27 พ.ค.2563 - นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. พวกเราทั้ง 4 คน อันประกอบด้วยคุณพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุรยะเดช, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งเคยทำงานการเมืองร่วมอุดมการณ์เดียวกันมา และยังคงมีความห่วงใยในปัญหาของบ้านเมือง ได้มีโอกาสพบปะและพูดคุยกับเพื่อนๆ จากหลากหลายสาขาวิชาชีพ หลากหลายประสบการณ์ และหลากหลายวัย อาทิ นักธุรกิจ นักเขียน กลุ่มผู้ทำงานด้านสตาร์ทอัพ ด้านไอที นักวิชาการ สื่อมวลชน ตัวแทนเยาวชน คนรุ่นใหม่ รวมทั้งกลุ่มบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในแวดวง การเมือง เศรษฐกิจและ สังคม ประมาณกว่า 30 คนที่สำนักงานแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นการเป็นการพบปะร่วมกันครั้งแรก หลังจากที่ได้มีโอกาส แลกเปลี่ยนความเห็นกันเป็นรายบุคคล มาช่วงระยะเวลาหนึ่งพวกเราเห็นตรงกันว่า บรรยากาศของบ้านเมืองในปัจจุบันต่างสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในสังคม ที่คับข้องใจและเป็นกังวลกับอนาคตทั้งของตนเองและประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง
ตลอดเวลากว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมสรุปความเห็นร่วมกันว่า เรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะพิจารณาในขณะนี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การมุ่งให้ความสำคัญ กับการนำเสนอแนวคิด ด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ที่สะท้อนทางเลือกและทางรอดของสังคมไทย โดยคาดว่าจะมีการหารือกันต่อในครั้งหน้า เกี่ยวกับกรอบการทำงานร่วมกัน 3 ระยะ คือ ระยะสั้นควรมีการนำเสนอให้สังคมได้เห็นถึงปัญหาและผลกระทบอย่างรุนแรงที่ทำให้เศรษฐกิจยากต่อการฟื้นตัว หากยังยืนยันที่จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ และที่ยิ่งน่ากังวลมากขึ้นคือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับกรอบการทำงานระยะกลาง คือ ในช่วงเวลา 150 วันนับจากนี้ ที่ประชุมคาดการณ์ตรงกันว่า วิกฤติเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มรุนแรงอย่างมาก และจะส่งผลกระทบโดยตรงแก่ประชาชนในประเทศ ทางกลุ่มน่าจะมีการนำเสนอทางเลือกให้สังคม เนื่องจากวิกฤติการณ์ประเทศในอีก 150 วันข้างหน้านั้น มีระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ที่รออยู่ และมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบออกจากห้องICU ได้เลย
ส่วนกรอบการทำงานระยะยาว ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า หากสังคมไทย ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มีความเป็นประชาธิปไตย และให้มีหลักประกันที่จะสร้างการมีส่วนร่วมของคนในสังคม และการมีกลไกตรวจสอบให้เกิดสมดุลในการพัฒนาประเทศ ตัวรัฐธรรมนูญเองคือปัจจัยที่ก่อให้เกิดการขัดขวาง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างหนักกับประเทศในอนาคต
ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ปัจจุบัน สังคมไทย เกิดความอับจนและตกต่ำอย่างหนักทางด้านสติปัญญา ในการแสวงหาทางออกให้สังคม และโหยหา การเปลี่ยนแปลงที่จะนำพาสังคม ให้มีอนาคตเกิดขึ้นแก่ทุกคน จึงคาดหวังให้การรวมกันของพวกเราสามารถขยายตัวเติบใหญ่ขึ้น และสามารถพัฒนาไปเป็นกลไกหรือองคาพยพในการเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทางที่ดีกว่า และการพูดคุยกันครั้งหน้าผมคิดว่าเราน่าจะมีความชัดเจนเรื่องชื่อกลุ่ม รวมทั้งการสื่อสารความคิดของกลุ่มต่อสาธารณะ ซึ่งคาดว่าคงจะมีกลุ่มบุคคลที่จะมาร่วมคิดร่วมคุยในแวดวงที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
มีประโยคหนึ่งในการประชุมของตัวแทนเยาวชนที่บอกว่า"คนรุ่นใหม่ในวันนี้ถูกทำลายความหวังและความฝันโดยคนรุ่นเก่า เพราะบริบทสังคมไทยวันนี้ไม่เอื้อให้เห็นอนาคตของศตวรรษที่ 21 แต่พาพวกเรากลับไปสู่โลกของอดีต" ทำให้ผมคิดว่าพวกเรายิ่งต้องช่วยกันฝ่าวิกฤติใหญ่ครั้งนี้ไปให้ได้เพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลานในวันข้างหน้า
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |