ครอบครัวใจสลาย รับศพน้องอินจากสถาบันนิติเวช แวะทำพิธีเชิญดวงวิญญาณจากจุดเกิดเหตุรถชนต้นไม้กลับไปวัดก่อนสวดพระอภิธรรม 3 คืนก่อนฌาปนกิจ แม่เอาแต่ร่ำไห้บอกกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจตรวจพยานหลักฐาน สรุปเบื้องต้นไม่มีคู่กรณี ทั้งไม่พบร่องรอยการเบรก

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 เมษายนนี้ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นางลัดดา เชิดชูบุพการี แม่ของ น.ส.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี หรือน้องอิน วัย 20 ปี อดีตดาราเด็กชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 1 สีขาว ทะเบียน 5 กบ 5248 กรุงเทพฯ พุ่งชนต้นไม้ข้างทางจนรถพังยับบนทางหลวงหมายเลข 9 บริเวณเชิงสะพานข้ามทางรถไฟ หลัก กม.ที่ 79 มุ่งหน้า จ.สระบุรี ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ยังผลให้น้องอินเสียชีวิตคาที่เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปพร้อมกับญาติ เพื่อติดต่อขอรับศพน้องอิน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนางลัดดาเห็นร่างไร้วิญญาณของน้องอิน ก็ถึงกับหลั่งน้ำตาร่ำไห้ด้วยความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมกล่าวว่ายังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันแรกที่รู้ข่าวถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนต้องพึ่งยานอนหลับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายศพน้องอินขึ้นรถตู้ของมูลนิธิร่วมกตัญญู โดยมีพระ 1 รูปประกอบพิธีทางศาสนา จากนั้นรถตู้ได้เคลื่อนออกไป มุ่งหน้าสู่จุดเกิดเหตุเพื่อเชิญวิญญาณกลับบ้าน 
    ทั้งนี้ ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ออกหนังสือรับรองการตาย ระบุสาเหตุที่ทำให้น้องอินเสียชีวิตมาจาก "ศีรษะได้รับบาดเจ็บทางอุบัติเหตุจราจร"
    กระทั่งรถเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ นางลัดดา เชิดชูบุพการี พร้อมนายนิวัฒน์ อดีตสามี พ่อของน้องอิน และนายภูวรินทร์ หรือเบล แดงเจริญสุข แฟนหนุ่ม พร้อมญาติ นิมนต์พระลงไปทำพิธีเชิญวิญญาณน้องอิน โดยทางครอบครัวได้โยงสายสิญจน์จากร่างของน้องอินในรถไปยังบริเวณต้นก้ามปูใหญ่จุดที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วจุดธูปกล่าวเชิญวงวิญญาณน้องอินให้กลับไปยังวัดราชสิงขร โดยพระสงฆ์ได้นำสวด กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้น้องอิน จากนั้นคณะของนางลัดดาได้นำร่างน้องอินเดินทางยังวัดราชสิงขร ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ เพื่อรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. และจะมีพิธีสวดพระอภิธรรม 3 คืน ถึงวันที่ 10 เม.ย. รุ่งขึ้นวันที่ 11 เม.ย. มีพิธีฌาปนกิจศพ
    ด้านความคืบหน้าทางคดี พ.ต.อ.สง่า ธีรศรัณยานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมประสานแขวงทางหลวงอยุธยาร่วมกันตรวจสอบสภาพพื้นผิวถนนบริเวณดังกล่าว
    พ.ต.อ.สง่ากล่าวว่า จากอุบัติเหตุของน้องอิน ได้มาตรวจสภาพถนนว่ามีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด และจะหาแนวทางในการป้องกัน หลังจากนี้คงต้องเพิ่มไฟส่องสว่างตรงจุดเกิดเหตุ เนื่องจากถนนเส้นนี้มีรถที่มาจากทางด่วนอุดรรัถยา และจากถนนสาย 347 ไหลมารวมกัน ส่วนเส้นทางที่น้องอินขับมาจากไหนนั้น ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจหากล้องวงจรปิดตามเส้นทาง ซึ่งต้องทราบก่อนว่าน้องอินเดินทางมาจากไหน แล้วจะไปไหน ส่วนโทรศัพท์มือถือของน้องอินที่ยังหาไม่พบนั้น ต้องตรวจหาในรถอย่างละเอียดก่อน หรือไม่ก็อาจพังเสียหายในวันเกิดเหตุ ตอนนี้พบเพียงชิ้นส่วนของโทรศัพท์ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของน้องอินหรือไม่ ต้องรอการตรวจสอบอีกครั้ง ในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการเบรก จากจุดที่รถตกถนนได้ไถลไปไกลกว่า 60 เมตร ไปชนต้นไม้ใหญ่อย่างรุนแรง
    พ.ต.อ.สง่ากล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนเร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุถนนโดยรอบและรถยนต์อย่างละเอียด ในเหตุการณ์นี้ยังไม่มีพยานบุคคลหรือภาพวิดีโอจากในรถ ขณะนี้จะต้องสอบสวนให้ได้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งอาจเกิดจากสภาพถนนลื่นเพราะฝนตก หรือไม่ก็อาจไม่ชินเส้นทาง ส่วนปัจจัยอื่น เช่น ตกใจเพราะรถคันอื่นตัดหน้า โดยตั้งปมการสอบสวนคือ ถนนลื่นจากฝนตก หลับใน ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ มึนเมา และถูกรถคันอื่นตัดหน้า ที่สำคัญต้องสอบญาติและเพื่อนว่าผู้เสียชีวิตได้ขับรถเพียงลำพังในช่วงเวลานั้นจะไปที่ไหน หรือกลับมาจากที่ใด
    ต่อมา พ.ต.อ.สง่าเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ เท่าที่มี เบื้องต้นพบว่ารถยนต์ของน้องอินเกิดอุบัติเหตุด้วยตนเอง ไม่มีรถยนต์คันอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งไม่มีร่องรอยการเบรก
    เวลา 16.00 น. ที่ศาลา 3 วัดราชสิงขร มีพิธีรดน้ำศพน้องอิน ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางลัดดา แม่ของน้องอิน กอดญาติร่ำไห้อยู่ตลอดเวลา และไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปด้านในพิธี โดยให้ถ่ายภาพได้แต่ด้านนอกเท่านั้น 
    บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รู้ว่าน้องอินอยู่ที่พัทยากับกลุ่มเพื่อน จากนั้นได้ขับรถไป จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปหาสาวหล่อคนสนิท ที่น้องอินทราบว่ากำลังมาท่องเที่ยวที่อยุธยา โดยทราบว่าระหว่างทาง น้องอินได้โทรศัพท์พูดคุยกันกับสาวหล่อรายนี้ตลอดเวลา บางช่วงก็ได้มีปากเสียงกัน กระทั่งเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว สำหรับสาวหล่อคนดังกล่าวรู้จักกับน้องอินมานานแล้ว แต่ภายหลังได้ไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ ทำให้ทั้งคู่ห่างกันไป จนได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ส่วนเบลนั้นเป็นอดีตแฟนหนุ่มที่น้องอินได้เลิกรากันไปแล้ว.