"บิ๊กตู่" เต้น! สั่งเร่งล่าแก๊งเหลือบโควิดรีดหัวคิวโรงแรมกักตัว กห.ยันไม่ใช่คนของกองทัพ "อนุทิน" ขอให้หอบหลักฐานมาร้องเรียน ลั่นถ้าเป็น จนท.สธ.ฟันไม่เลี้ยงแน่ "ศรีสุวรรณ" บี้ตั้ง กก.พิเศษตรวจสอบ พร้อมร้องผู้ตรวจการแผ่นดินไล่บี้อีกทาง
ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม เวลา 11.45 น. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมสภากลาโหม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีระบุมีกลุ่มบุคคลไม่ทราบหน่วยงานติดต่อโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยอ้างว่าจะพิจารณาคัดเลือกโรงแรมให้เป็นสถานที่กักตัวของคนไทยที่กลับจากต่างแดน หรือ State Quarantine แลกกับการหักหัวคิว 30-40% จากเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ 1,000 บาท/ราย/วันนั้น ว่าเป็นความตั้งใจของกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ทำงานร่วมกันในการจัดหาโรงแรมเพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัว
ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเรียกรับผลประโยชน์ สิ่งที่ดำเนินการคือการให้ผู้ประกอบการได้รับผลประโยชน์สูงสุด และนำคนไทยที่ตกค้างอยู่ต่างประเทศกลับประเทศ ยืนยันว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนป่วย เพียงแต่ต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรค 14 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้แถลงถึงเรื่องการหักหัวคิวไปแล้ว หากใครพบเบาะแสสามารถแจ้งไปยังกระทรวงสาธารณสุขได้
ทั้งนี้ จากที่ได้พูดคุยกับนายกสมาคมธุรกิจโรงแรมภาคตะวันออก ทราบว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และต้องไปดูข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ยืนยันว่ารัฐไม่มีนโยบายเก็บค่าหัวคิว เพราะเรื่องดังกล่าวเราดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. ต่อกลุ่มคนไทยที่กลับจากฮูฮั่น จนถึงปัจจุบันก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ ทราบว่าคนที่ดำเนินการเรื่องนี้เป็นนายหน้าที่ไปติดต่อกับโรงแรมโดยตรงและเรียกรับผลประโยชน์
เมื่อถามว่า การหักค่าหัวคิว 40 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่คนของกองทัพใช่หรือไม่ โฆษกกระทรวงกลาโหมยืนยันว่า ไม่มี หากพบว่าเป็นคนของกองทัพหรือกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปเกี่ยวข้อง สามารถแจ้งข้อมูลมาได้โดยตรง ซึ่งจะต้องถูกลงโทษทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบ
"ต้องดูความเชื่อมโยงกลุ่มเหล่านี้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐและประชาชนส่วนรวม ขณะที่ผู้ประกอบการควรได้รับสิทธิ์ตรงนี้อย่างเต็มที่ สำหรับผู้ที่เข้ารับการกักตัวต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี หากมีการหักค่าหัวคิวก็จะทำให้การดูแลไม่ดีพอ เพราะอาหารจะต้องถูกตัดไปด้วย ขณะนี้กำลังตามหาตัวอยู่ และนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เร่งดำเนินการ" พล.ท.คงชีพระบุ
นอกจากนี้ นายกฯ ยังขอให้ผู้ประกอบการโรงแรมพิจารณาเป็นโรงแรมท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ภายหลังจากที่มีการเปิดประเทศแล้ว ในขณะที่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศนั้นยังคงต้องกักตัว 14 วัน โดยจะต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มคนอ้างเป็นคนจัดอีเวนต์ของ สธ. เข้าไปประสานผู้ประกอบการโรงแรมว่าสามารถช่วยเหลือให้ผ่านการประเมินเป็นสถานที่กักกันของรัฐ สำหรับผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ โดยมีการหักค่าหัวคิว 40% ว่าหากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ขอให้นำหลักฐานมาร้องเรียนได้ที่ตนที่ สธ.ได้ตลอดเวลา หลักฐานที่ว่าอาจจะไม่ใช่ใบเสร็จ เพราะยังไม่เกิดขึ้น แต่การที่ไปประสานหักหัวคิวแบบนี้ถือว่าเป็นการทำผิดแล้ว ซึ่งเชื่อว่าโรงแรมมีกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว และน่าจะมีการเก็บข้อมูลเอาไว้อยู่อย่างน้อย 30 วัน ขอให้นำมาร้องเรียนได้เลย
“เป็นไปไม่ได้ที่คนสาธารณสุขจะทำเรื่องแบบนี้ เพราะเราถูกเทรนมาให้รักษาคนไข้ เพราะฉะนั้นหากคนพูดพูดไม่จริง ไม่มีหลักฐาน สธ.ก็จะฟ้องร้อง ไม่ได้หมายความผมไม่เชื่อ ซึ่งผมจะตรวจสอบ หากมีคน สธ.ทำเรื่องแบบนี้จริง ก็จะเอาผิดให้ถึงที่สุดเช่นเดียวกัน” นายอนุทินระบุ
รองนายกฯ และ รมว.สธ.กล่าวว่า การอนุมัติให้เป็นสถานกักกันของรัฐ อยู่ที่ สธ. ไม่ได้มีคนรับจัดอีเวนต์ ดังนั้นถ้าไม่เห็นหน้าอย่าไปเชื่อ ถ้าใครไปทำแบบนี้ขอให้อัดคลิป อัดวิดีโอ เพื่อเป็นหลักฐานได้เลย หรือเอากล้องวงจรปิดออกมา ตั้งโต๊ะแถลงประณามไปเลยว่ามีคนแบบนี้อาศัยความเดือดร้อนของคนอื่นมาหากิน จะขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจัดเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลด้วย
ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ และน่าจะทำกันอย่างเป็นกระบวนการ เป็นเรื่องที่น่าละอาย ซึ่งนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะต้องรับผิดชอบหาตัวผู้กระทำการดังกล่าวมาเปิดเผย และดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่สั่งการไปแล้วเรื่องก็จบ เพราะกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี กล้าออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ย่อมต้องมีมูล จะอ้างเป็นข่าวโคมลอยไม่ได้ มีเชื้อไฟย่อมมีควัน ฉันใดก็ฉันนั้น
สำหรับการหาข้อเท็จจริง หาผู้กระทำผิดนั้น จะต้องตั้งคณะกรรมการพิเศษที่มีอำนาจเต็มจากบุคคลภายนอกมาทำการไต่สวน สอบสวน จะตั้งคนใน ศบค. ในจังหวัดชลบุรี ในกระทรวงสาธารณสุข ตำรวจ ทหาร มาสอบกันเองไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าคนที่กระทำการหรือเครือข่ายดังกล่าวคงไม่ใช่ตัวเล็กๆ และอาจมีสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่มีอำนาจในปัจจุบันก็ได้ เพราะแค่มีข่าวยังไม่ทันที่จะมีการตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริงเลย โฆษก ศบค.ก็รีบออกมาปฏิเสธทันควันเลยว่าไม่มีการหักหัวคิว State Quarantine ซึ่งถือเป็นข้อพิรุธอย่างยิ่ง และโฆษก ศบค.และกรรมการต่างๆ ที่ถูกตั้งโดย ศบค.ทุกคนต้องถูกสอบด้วย
ทั้งนี้ คณะกรรมการพิเศษดังกล่าวอาจจะต้องไต่สวน สอบสวนเชื่อมโยงต่อไปด้วยว่าการที่รัฐบาลไม่ยอมที่จะยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) โดยมีการต่ออายุครั้งแล้วครั้งเล่านั้น มีผลต่อการเอื้อประโยชน์ต่อกรณีดังกล่าวด้วยหรือไม่ เพราะคาดว่าจะมีคนไทยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศอีกจำนวนมากกว่า 7-8 หมื่นคน ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์อย่างมหาศาลเลยทีเดียว ถ้าเรื่องนี้ไม่แดงขึ้นมาเสียก่อน
“กรณีที่เกิดขึ้นสมาคมจำเป็นที่จะต้องร้องเรียนให้องค์กรอิสระอย่างผู้ตรวจการแผ่นดินเข้ามาทำหน้าที่อีกทางหนึ่งด้วย เพื่อใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบและถ่วงดุล การตรวจสอบตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีข้างต้น โดยสมาคมจะนำความไปยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินในเช้าวันที่ 25 พ.ค.63 เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ห้อง 903” นายศรีสุวรรณกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |