เพิ่มข้อหาค้ามนุษย์ เงิน'แม่ปุ๊ก'ล่องหน


เพิ่มเพื่อน    


    ตำรวจกองปราบฯ ระบุคดี "แม่ปุ๊ก" ผู้ต้องสงสัยวางยาให้ลูก "อมยิ้ม-อิ่มบุญ" เพื่อให้มีอาการป่วยและขอรับเงินบริจาค ขณะนี้คืบหน้ากว่า 50% สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องหลายปากแล้ว  เร่งรัดผลตรวจหลักฐานต่างๆ ในบ้านเพื่อหาสารพิษ รอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอแม่-ลูก เผยเตรียมสอบเพิ่ม "แม่ปุ๊ก" แชตไลน์หลุดโดนแฉ "น้องอิ่มบุญ" ไม่ใช่ลูกแท้ๆ
    เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีจับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือแม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรแท้ๆ และ ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ บุตรบุญธรรม ล้มป่วยด้วยอาการผิดปกติ เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสาร หลอกเอาเงินจากคนอื่นจนเป็นเหตุให้ ด.ญ.อมยิ้มเสียชีวิต และ ด.ช.อิ่มบุญอาการสาหัส ก่อนที่ต่อมาจะได้รับการรักษาจนอาการปลอดภัยแล้ว
    พล.ต.ต.จิรภพกล่าวว่า ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดพยานหลักฐานต่างๆ ที่พบในบ้านพัก ตั้งแต่ภาชนะและเครื่องใช้เด็ก ไปจนถึงสารต้องสงสัยทั้งหมดส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐานและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ตรวจพิสูจน์เรื่องสารพิษแล้ว แต่ยังไม่ทราบผลตรวจ ซึ่งทางตำรวจก็จะมีการเร่งรัดผลตรวจอีกครั้ง และในส่วนของแม่ปุ๊ก ตำรวจได้นำตัวฝากขังศาลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ
    ผบก.ป.กล่าวอีกว่า ส่วนหลักฐานบันทึกการสนทนาแชตไลน์ที่อ้างว่าเป็นสนทนาระหว่าง น.ส.นิษฐา ผู้ต้องหา กับแม่เอม แม่ที่แท้จริงของ ด.ญ.อมยิ้ม โดยในบทสนทนาอ้างว่าน้องอิ่มบุญไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกของน้องชาย ซึ่งตัวเองได้รับมาเลี้ยงเป็นลูกนั้น ตำรวจก็ได้เก็บข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้นำไปประกอบสำนวน ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะไม่ตรงกับคำให้การของ น.ส.นิษฐา ที่ยืนยันว่า ด.ช.อิ่มบุญเป็นลูกของตนเอง แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญ เพื่อประกอบกับผลการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในสัปดาห์นี้ จากนั้นอาจต้องสอบปากคำ น.ส.นิษฐาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีแชตสนทนาดังกล่าว
    ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ น.ส.นิษฐา หรือแม่ปุ๊ก ว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เรียกคณะทำงานประชุมติดตามในประเด็นต่างๆ แต่ขออนุญาตไม่ให้สื่อมวลชนทำข่าว ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานคลี่คลายความสงสัยให้กับสังคมก่อน
    พ.ต.อ.ปทักข์กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วหลายปาก มีความคืบหน้าเกิน 50% ยังเหลือพยานหลักฐานบางอย่างที่ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ผลการตรวจดีเอ็นเอของ น.ส.นิษฐา และ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ว่าเป็นแม่ลูกโดยกำเนิดหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ ต้องรอผลการตรวจจากทางกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    ผกก.บก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ น.ส.นิษฐา เพิ่มเติม และตัวผู้ต้องหาก็อยู่ในเรือนจำ ตำรวจมีการสอบปากคำไปก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ สิ่งที่ น.ส.นิษฐาให้ปากคำตำรวจก็อยู่ระหว่างพิสูจน์ว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนเท็จ ส่วนแม่เอม ที่เป็นแม่แท้ๆ ของ ด.ญ.อมยิ้ม ยังไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ได้สอบไปครบถ้วนแล้ว ถ้าหากระหว่างนี้มีประเด็นใดสงสัยก็สามารถสอบปากคำได้ ส่วนข้อมูลทั้งสองคนที่ให้การกับตำรวจสอดคล้องหรือขัดแย้งกันหรือไม่ เป็นเรื่องในสำนวน ไม่ขอเปิดเผยรายระเอียด
    ส่วนกรณีที่ น.ส.นิษฐาเปลี่ยนชื่อถึง 4 ครั้ง ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามเปลี่ยนชื่อ ส่วนจะมองว่าจงใจเปลี่ยนชื่อบ่อยเพื่อปกปิดหรืออำพรางความผิดหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ ต้องมีบริบทอื่นมาประกอบด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจกองปราบฯ ได้จับกุมตัว น.ส.นิษฐา 5 ข้อหา ได้แก่ 1.ฉ้อโกงประชาชน 2.รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ 3.พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 4.ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และ 5.ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น
    ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้น ก็ยังคงดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาว่ายอดเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านนั้น ถูกยักย้ายโอนไปให้ใครบ้าง ข้อสงสัยที่ว่าเงินบริจาคจำนวนมากขนาดนั้น ทำไมการใช้ชีวิตและที่อยู่อาศัยของแม่ปุ๊กขัดแย้งกับเงินเหล่านั้น หรือว่าเงินบริจาคนั้นถูกแบ่งไปให้ใครหรือไม่
    ส่วนการสอบปากคำแม่เอม แม่แท้ๆ ของน้องอมยิ้มที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านั้น ก็ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเกือบครบแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อพิรุธกับให้การของแต่ละคนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ทั้งนี้แม่เอมได้หายออกไปจากบ้านพักนั้น ทางตำรวจยืนยันว่ายังสามารถติดต่อได้ ซึ่งคาดว่าที่หายไปจากบ้านพักเนื่องจากมีผู้สื่อข่าวบางสำนักไปก่อกวนบริเวณหน้าบ้านจึงทำให้เกิดความเครียด
    ในคดีนี้ ดีเอ็นเอของน้องอิ่มบุญจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการไขปมข้อสงสัยหลายอย่าง เนื่องจากหากน้องอิ่มบุญไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของ น.ส.นิษฐา คดีนี้จะมีน้ำหนักมาก และมูลเหตุแรงจูงใจให้ก่อเหตุ รวมไปถึงการทำเป็นขบวนการค้ามนุษย์ อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่าใครเป็นผู้เอาสารพิษเข้าสู่ร่างกายเด็กทั้ง 2 คน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะใช้หลักฐานในหลายส่วนมาประกอบการพิจารณาคดี เช่น คำให้การ เส้นทางการเงิน ผลดีเอ็นเอจากหลักฐานที่เก็บได้ในบ้านที่เกิดเหตุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"