ฝ่ายแค้นรำลึก 6 ปีรัฐประหาร ด่ายับทำลายประชาธิปไตยปิดปากประชาชน "ชูศักดิ์" เผยเพื่อไทยเตรียมร่างกฎหมายห้ามทหารยึดอำนาจ รอเวลาเหมาะสมเอาเข้าสภา "นคร" แนะจับเผด็จการทรราชและลิ่วล้อบริวารมาพิจารณาคดีใหม่ "เพนกวิน" โชว์คุณภาพคนรุ่นใหม่แห่ป้าย "6 ปีแล้วนะไอ้สัส" ประท้วงรอบกรุง เจอ ตร.รวบทันควัน
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ครบรอบ 6 ปีการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น มีการวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในวงกว้าง ว่าทำลายประชาธิปไตย ลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ถือเป็น 6 ปีแห่งความอัปยศและความขมขื่นที่ต้องถูกแย่งชิงอำนาจไปจากมือ แม้ผู้ก่อการจะยุติบทบาทในฐานะคณะรัฐประหารลงเมื่อมีรัฐธรรมนูญปี 2560 และต่อมามีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 24 มี.ค.62 แต่ตนเองก็ได้วางกลไกในรัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้น เพื่อการสืบทอดอำนาจต่อไปอีกยาวนาน ผ่านกลไกของระบบเลือกตั้งที่แปลกประหลาด และการผูกขาดการคัดเลือกนายกฯ โดย ส.ว.ที่ตนเองเลือกมา
"แม้รูปแบบภายนอกอาจมองว่าประเทศเป็นประชาธิปไตย แต่เนื้อแท้แล้วเป็นประชาธิปไตยเทียมหรือประชาธิปไตยที่ไม่เสรี (Illiberal Democracy) ที่มีการผูกขาดอำนาจของผู้ทำรัฐประหารคนเดิม 6 ปีของการรัฐประหาร จึงดูเหมือนว่าผู้ที่ได้ประโยชน์คือกลุ่มผู้ก่อการรัฐประหารและบริวาร แต่ผู้เสียประโยชน์และเสียโอกาสคือประเทศชาติและประชาชนโดยรวม"
นายชูศักดิ์ระบุอีกว่า บทเรียนของรัฐประหาร 22 พ.ค.57 จึงควรได้ตอกย้ำให้ประชาชนได้เห็นถึงความชั่วร้ายของการรัฐประหารได้เป็นอย่างดี พรรคเพื่อไทยได้ยกร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและต่อต้านการรัฐประหารไว้นานแล้ว และจะได้เสนอและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนที่จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในเวลาที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่ปลุกสำนึกของประชาชนเพื่อให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม
ด้านนายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป หากประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยชนะแล้วควรนำเอาคณะรัฐประหารและลิ่วล้อบริวารของเผด็จการทรราชมาพิจารณาคดีใหม่ เช่นที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ ในปากีสถานในตุรกี มาเป็นกรณีตัวอย่างเอาผู้ก่อการรัฐประหารมาลงโทษแล้วส่งต่อสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพและประชาธิปไตยให้ลูกหลานของเราสืบไป
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ช่วงครบรอบ 6 ปีนั้น สิ่งหนึ่งที่ยังดำรงอยู่คือ ต่างฝ่ายต่างยึดความเชื่อของตัวเองเป็นหลัก และไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอความเห็น ความทุกข์โดยรวมของประเทศอาจเป็นหนทางให้ความคิดของคนแต่ละฝ่ายเปลี่ยนแปลงกันไปได้ เพราะความทุกข์จากความหิวโหย แม้มีความคิดทางการเมืองต่างกัน แต่เป็นความหิวที่เหมือนกัน ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งสองฝ่าย ส่วนทางออกของประเทศ ต้องก้าวข้ามกับดักกติกาตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไปให้ได้ ต้องมาคุยออกแบบกัน จะแสวงจุดร่วมกันอย่างไรที่จะเป็นทางออกให้ประเทศอย่างแท้จริง ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาบ้านเมืองไม่จบ การยุบสภาไม่ใช่ทางออกของประเทศ ดังนั้นการสูญเสียประชาธิปไตยรอบนี้ถือว่าเจ็บลึกที่สุด
“หากฝ่ายประชาธิปไตยคิดกันแบบเดิมแล้ว จะไม่มีทางพาประเทศข้ามพ้นวิกฤติไปได้ ยิ่งวันข้างหน้าในระยะอันใกล้นี้ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และแก้ไขได้ยากยิ่ง สภาพทุกอย่างไม่เอื้ออำนวยให้ประเทศไทยได้ฟื้นตัวเลย ต้องอาศัยความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นทั้งในประเทศและเพื่อนบ้านอาเซียน เพื่อช่วยกันประคับประคองและอยู่ร่วมกับโควิด-19 ให้ได้กันเป็นปี หากรอให้สิ้นโควิด คนไทยอาจตายกันหมดก็ได้ ด้วยเหตุนี้ ทางรอดคือ ตั้งแต่วันนี้เราต้องมีชีวิตอยู่พร้อมๆ กับโควิด-19 ให้ได้ ซึ่งใครก็รอใครไม่ได้ ครบรอบ 6 ปี 22 พ.ค.2557 ผมเชื่อว่าคนไทยคงเข็ดหลาบไปตามๆ กัน เราได้บทเรียนที่ทรงคุณค่าที่สุด ที่สำคัญฝ่ายประชาธิปไตยต้องไม่เข้าข้างตัวเองทุกเวลา ผมบอกว่า ขบวนการเสื้อแดงเริ่มอ่อนแอตั้งปี 2554 เป็นต้นมา และปี 2557 แทบไม่เหลือสภาพแล้ว การต่อสู้จึงยากลำบาก เราต้องไม่โกหกตัวเองกัน อะไรที่ใช่ก็คือใช่” นายจตุพรกล่าว
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะกรรมการบริหารภาคีเครือข่ายเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยและเลขาธิการภาคีเครือข่ายเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย เสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศ ยกร่างรัฐธรรมนูญโดยความมีส่วนร่วมของคนไทยอย่างกว้างขวางที่สุด เพื่อสร้างพื้นที่ทางสังคม ให้คนไทยทุกฝ่ายได้มีโอกาสหันหน้ามาพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล บนความจิตสำนึกว่าเป็นคนพวกเดียวกัน ตามแนวคิดภราดรภาพนิยมของรัฐบุรุษอาวุโสปรีดี พนมยงค์ และตามแนวพระราชดำรัสของ ร.9 ให้ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน
วันเดียวกันนี้ มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา โดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เพนกวิน - Parit Chiwarak ว่า วันนี้พวกผมมาทำกิจกรรมขับรถติดป้าย "6 ปีแล้วนะไอ้สัส" และแขวนป้าย "2563 เผด็จการครองเมือง" ที่รั้วอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจะห้ามไม่ให้แขวนป้าย และขู่จะแจ้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปๆ มาๆ ก็ขู่จะจับข้อหา พ.ร.บ.ความสะอาด สรุปว่าตอนนี้แจกใบสั่ง พ.ร.บ.จราจรฯ ไปสองข้อหา แต่ว่าตอนนี้ให้ใบสั่งเสร็จแล้วก็ยังโดนตำรวจกักตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาเป็นชั่วโมงแล้วครับ แล้วก็น่าจะโดนกักไว้อีกสักพักหนึ่ง
แจ้งให้ทุกคนทราบครับว่าตอนนี้พวกผมยังโดนตำรวจกักตัวไว้โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมครับ
ส่วนบริเวณทางเท้าหน้าประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ได้มีกลุ่มเครือข่ายนักเรียนนิสิตนักศึกษาเคียงข้างประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (คนป.) เเละกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยใหม่ จำนวน 8 คน นำโดยนายกรกช แสงเย็นพันธ์ เดินทางมาทำกิจกรรมชูป้ายข้อความ “2,191 วันกับเผด็จการ” เนื่องด้วยในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เป็นวันครบรอบรัฐประหาร 22 พ.ค.57 ในประเทศไทย ครบ 6 ปี โดยใช้เวลาทำกิจกรรมประมาณ 2 นาที จากนั้นทางกลุ่มเดินทางไปทำกิจกรรมต่อที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และในเวลา 11.00 น. กลุ่มเดินทางออกจากพื้นที่
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว “สมชาย แสวงการ” ถึงรายงานฉบับสมบูรณ์ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการ ปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ระบุว่า ในเหตุการณ์ดังกล่าวมีความจริงที่มีกองกำลังชายชุดดำก่อเหตุร้ายในระหว่างการชุมนุมของนปช. ทั้งการใช้อาวุธสงครามร้ายแรง M16 RPG M79 ปืนสงครามอาก้า ระเบิดขว้าง M67 และระเบิดวางลอบสังหารเคโม และระเบิด C4 รวมถึงมีการใช้ยุทธวิธีในการก่อสงครามกลางเมืองและปฏิบัติการเพื่อสลายการชุมนุมเหมาะสมหรือไม่เพียงใด
"รายงานฉบับสมบูรณข์องคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ฉบับที่ ดร. คณิต ณ นคร เป็นประธานนั้น ได้จัดให้มีกิจกรรมทางวิชาการ กระบวนการรับฟังข้อมูลและความเห็น ตลอดจนการลงพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการตรวจสอบค้นหาความจริง การศึกษารากเหง้าของปัญหาความขัดแย้ง การเยียวยาและฟื้นฟู และการเสนอมาตรการเพื่อลดความขัดแย้ง และส่งเสริมให้เกิดความปรองดองในประเทศ มีเนื้อหาและข้อเสนอแนะค่อนข้างครบถ้วนครับ ขอให้ทุกท่านได้อ่านพิจารณาดูครับ และขอช่วยกันสื่อสารข้อมูลดังกล่าวไปยังประชาชนและเยาวชนรุ่นหลังด้วย เพื่อไม่ให้ใครมาปลุกระดม บิดเบือนข้อเท็จจริงที่จะนำพามวลชนมาเป็นกองกำลังตายแทนทางการเมืองได้อีกในอนาคตครับ" นายสมชายระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสภาเปิดประชุมสมัยสามัญตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. โดยมีประเด็นการเมืองร้อนๆ เตรียมเข้าสู่วาระการประชุมของ กมธ.สามัญของสภาฯ อาทิ วันที่ 27 พ.ค. กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน จะเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาชี้แจงกรณีพิจารณาศึกษาและสอบหาข้อเท็จจริง กรณีการกดขี่ ข่มเหง ผู้ใต้บังคับบัญชาและการใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้บังคับบัญชา อันเนื่องมาจากการร้องเรียนปัญหาทุจริตภายในกรมสรรพาวุธทหารบก
ส่วนความเคลื่อนไหวของ ผบ.ทบ.นั้น เจ้าตัวเผยว่า ช่วงวันที่ 20 พ.ค.-22 พ.ค. ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ครั้งแรกร่วมกับ ผบ.ทบ.ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก “อินโด-แปซิฟิก แลนด์เพาเวอร์ คอนเฟอเรนซ์” ( Indo-Pacific Land power Conference) กับ ผบ.ทบ.สหรัฐ ออสเตรเลีย และ ผบ.ทบ. ในภูมิภาคนี้รวม 25 ประเทศ เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การช่วยเหลือกันในการแก้ปัญหาโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยสหรัฐชื่นชมไทยในการวางมาตรการระหว่างการฝึกร่วมผสมคอบร้าโกลด์ 2020 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |