"ไก่อู" โยนหินถามทาง อ้างสื่อไม่สนใจรัฐบาลแถลงผลงาน เพราะมัวไปให้ความสำคัญเรื่องการเมือง ยันถ้าสื่อพร้อมฟัง "บิ๊กจิน" จะโชว์เต็มที่ ขณะที่ "ประยุทธ์" ปลื้มกระแสออเจ้า ปลุกการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สั่งกระทรวงค้นเอกลักษณ์ท้องถิ่น 55 เมืองรอง กระตุ้นท่องเที่ยว เพื่อไทยเหน็บมีแต่ผลงานโกง
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมแถลงผลงาน 4 ปีรัฐบาลว่า มีการพูดคุยในเบื้องต้นแล้ว แต่พอเวลาผ่านมาระยะหนึ่ง มีปัจจัยอื่นเข้ามา สื่อก็ไปสนใจเรื่องการเมืองที่ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายลูกจนไม่สนใจในเรื่องผลงานรัฐบาล หากแถลงไปก็อาจจะไม่ได้รับการตอบรับ ตอนนี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯและ รมว.ยุติธรรม เริ่มดำเนินการเรื่องดังกล่าวแล้ว ขอให้รอความชัดเจนก่อน เพราะที่ผ่านมามีการรวบรวมผลงานไว้แล้ว เช่น การพัฒนาของงาน เรื่องประมงผิดกฎหมาย หรือไอยูยู
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการแถลงผลงานในปีนี้หรือไม่ โฆษกรัฐบาลตอบว่า หากสื่อพร้อมฟังเรื่องดังกล่าว พล.อ.อ.ประจินก็จะเร่งเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่
พล.ท.สรรเสริญยังเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสความนิยมละครอิงประวัติศาสตร์บุพเพสันนิวาส ที่ทำให้คนไทยสนใจเดินทางท่องเที่ยวแหล่งโบราณสถาน และศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ยอดจำหน่ายหนังสือในหมวดประวัติศาสตร์ โบราณคดี และอัตชีวประวัติบุคคลสำคัญในอดีตเพิ่มขึ้นว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี และอยากให้เกิดความยั่งยืน คนไทยเกิดความใฝ่รู้ รักความเป็นไทย และสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติตลอดไป
นอกจากนี้ ยังให้แนวทางกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่ดูแลแต่ละจังหวัดในภาพรวม ไปค้นหาเอกลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความโดดเด่น เพื่อนำไปเชื่อมโยงกับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่สนใจเกี่ยวกับรากเหง้าและวิถีชีวิตแบบไทย โดยเฉพาะในเมืองรอง 55 จังหวัด ที่รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวอยู่ในขณะนี้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการเตรียมแถลงผลงานของรัฐบาสลว่า ขอเสนอผลงานปีที่ 4 ของรัฐบาล ที่คิดได้คร่าวๆ 1.โกงคนจน 53 จังหวัด และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2.โกงเงินนักเรียนในกระทรวงศึกษาธิการ 3. โกงยาฉีดป้องกันพิษสุนัขบ้า 4.เครื่องกรองน้ำราคา 500,000 บาท
5.เลื่อนเลือกตั้งไปเรื่อยๆ 6.จับกุมและดำเนินคดีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และเปรยว่าอยากให้เอาไปตัดหัว 7.ให้ ครม.ท่องจินดามณีคนละบท 8.ใช้งบประมาณขาดดุลจำนวนมหาศาล แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกว่าดีขึ้น เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ ทั้ง 11 ด้าน หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับทราบแผนปฏิรูปจากคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ แผนการปฏิรูปประเทศที่น่าสนใจ คือ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง โดยเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนการออกพระราชบัญญัติการเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และจัดให้มีสถาบันหรือองค์กรคลังปัญญากลาง เพื่อทำหน้าที่ในการศึกษา วิจัย และสร้างสรรค์สติปัญญา เพื่อเป็นข้อเสนอในการปฏิรูปและพัฒนาการเมืองอย่างต่อเนื่อง และเป็นข้อมูลประกอบในการวางแผนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองทุก 5 ปี
นอกจากนี้ ยังได้เสนอให้รัฐบาลไม่ควรสนับสนุนกลุ่มคนหรือม็อบให้ออกมาแสดงออก เพื่อสนับสนุนหรือเชียร์รัฐบาล รวมทั้งให้มีมาตรการป้องกันมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่เบื้องหลัง หรือสนับสนุนม็อบในทางการเมือง พร้อมมีมาตรการที่เป็นสภาพบังคับ โดยหากผู้ใดฝ่าฝืนอาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
หากมีประเด็นสำคัญของประเทศที่จำเป็นต้องใช้ความเห็นของคนส่วนใหญ่เพื่อหาข้อยุติ ให้ใช้มาตรการการทำประชามติ และให้ยึดหลักแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งในทางการเมือง โดยใช้กระบวนการทางรัฐสภา
ส่วนแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เสนอให้มีการจัดทำกฎหมายใหม่ขึ้นมาหลายฉบับ อาทิ กฎหมายว่าด้วยวินัยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และบุคลากรในองค์กรอิสระ รวมถึงองค์กรตุลาการ และหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ กฎหมายว่าด้วยความผิดกรณีการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม
กฎหมายว่าด้วยการยักยอก การเบียดบัง หรือการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ กฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และใช้อิทธิพลเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์อันมิชอบ กฎหมายว่าด้วยการเรี่ยไร การรับของขวัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการร่ำรวยผิดปกติของเจ้าหน้าที่ของรัฐ กฎหมายว่าด้วยการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมในคดีการทุจริตและประพฤติมิชอบ
โดยการปราบปรามการทุจริตจะต้องมีตัวชี้วัด ได้แก่ 1.การไต่สวนคดีทุจริตประพฤติมิชอบสามารถนำตัวผู้กระทำผิดขึ้นสู่ศาลได้ในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดทุกคดี 2.จำนวนคดีที่ชี้มูลแล้วแต่ศาลยกฟ้องไม่เกิน 5% 3.สามารถนำทรัพย์สินที่รัฐเสียหายกลับมาได้มากกว่า 80% 4.มีฐานข้อมูลคดีทุจริตประพฤติ มิชอบ และมาตรการป้องกันมิให้การทุจริตประพฤติมิชอบลักษณะนั้นทุกคดีเกิดขึ้นอีก
นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่ 1 กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่มีความหมายอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ และเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อแผนปฏิรูปประเทศ 11 ด้านที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 เมษายน เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และหวังว่าทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐภาคเอกชน ภาคประชาชน และทุกพรรคการเมือง จะร่วมมือกันเดินหน้าขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติและ พ.ร.บ.ปฏิรูปประเทศ
เขากล่าวว่า การปฏิรูปประเทศเสมือนการผ่าตัดยกเครื่องประเทศครั้งใหญ่ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง การคอร์รัปชัน การศึกษา เศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ สังคม สิ่งแวดล้อม พลังงาน ระบบราชการ กิจการตำรวจ การปกครองท้องถิ่น กฎหมายและกระบวนยุติธรรม เป็นต้น ปัญหานานัปการเหล่านี้สะสมหมักหมมมานาน จะแก้ไขไม่ง่าย ต้องใช้พลังความร่วมมือ เสมือนคานงัดจากทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาลนี้และรัฐบาลหน้า จึงจะสามารถยกระดับอัพเกรดประเทศของเราให้พัฒนาก้าวหน้าสู่อนาคตที่ดีกว่าได้สำเร็จ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |