22พ.ค.63-นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติต่ออายุการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ว่า สถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ กำลังเผชิญกับวิกฤตศรัทธารอบด้านจากการบริหารไร้ประสิทธิภาพในแทบทุกมิติ พยายามเอาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละคน 2 คน บางวันเป็น 0 มาขังประชาชน 67 ล้านคน ปิดโรงเรียน แต่เปิดห้าง เยียวยาล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ล่าช้าไม่ทันสถานการณ์ ห้ามคนทำมาหากิน ออกมาตรการใดมาประชาชนก็เกิดคำถามและไม่เชื่อมั่น หวาดระแวงกลัวรัฐบาลล้วงข้อมูลส่วนตัว กระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลหรืออาจนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ การต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน รัฐบาลมีแต่ได้กับได้ แต่ความเสียหายเกิดกับประชาชน
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ผล คือ ความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผลสำรวจพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ของประชาชนใน 6 ประเทศกลุ่มอาเซียนพบว่า คนไทยมีพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สูงสุดในอาเซียน เทียบกับเพื่อนบ้านเกรงว่าประชาชนจะไม่กลัว เลยไปเทียบกับประเทศที่มีการติดเชื้อและเสียชีวิตมากๆ เพื่อจะข่มขู่ประชาชนว่าการ์ดอย่าตก และใช้เป็นข้ออ้างขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปเรื่อยๆให้นานที่สุด สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ยุติสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บรรยากาศกลับคืนสู่สภาวะปกติ ฟื้นฟูความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน
“22 พฤษภาคม 2563 ครบ 6 ปีรัฐประหาร ผ่านการเลือกตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจมา 1 ปี วิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่แก้ไข มีแต่ความพยายามแช่แข็งประเทศ หลบหลังโควิด กระชับและรักษาอำนาจที่ยึดมาไว้ให้นานที่สุด ” นายอนุสรณ์ กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |