นรกขุม "๕๐๐ เวรตะไล" ก็ถึงกำหนดเปิดอีกครั้งวันนี้ (๒๒ พ.ค.๖๓)!
หมายความว่า..........
ชาวบ้านต้องรับสภาพนรก "ขุมเวรตะไล" ทนดู-ทนฟังพวกโจรใส่สูท สำราก และทึ้งประเทศไปกินในน้ำ อย่างน้อยอีก ๓ เดือน
ระบบรัฐสภา ในโลกประชาธิปไตยจินตนาการมันดี
แต่ในโลกเป็นจริง......
ถูกบางพรรค-บางพวก ใช้เป็น "รังโจร" เอาแต่จ้องปล้นชิงอำนาจรัฐบาล
ยุคปัจจุบัน หนักกว่านั้น ถึงขั้นใช้ระบบสภา เป็นฐานปฏิบัติการ รับแผนต่างชาติชอนไชชาติ
พยายามย้อนยุคกลับไป ๒๔๗๕ เป็นประชาธิปไตยรูปแบบ "สภาเปรซิเดียม"
"ล้มสถาบันกษัตริย์".....
สถาปนาระบบ "ประธานาธิบดี!
มันก็แปลกดี ระบบ ส.ส.เลือกตั้ง ในด้านคุณภาพ แทนที่จะพัฒนาดีขึ้นทางจิตสำนึก ทั้งคนเลือกและคนถูกเลือก ในความหมาย ยิ่งเลือก-ยิ่งดี
แต่กลับเป็นว่า "ยิ่งเลือก-ยิ่งเหว"!?
ถ้ายึดในแนวคิด "กองขยะ มองให้ดีก็มีศิลป์" มันก็ดีเหมือนกัน เพราะ "เลวสุดขั้ว-ชั่วสุดขีด" ของ ส.ส.บางคน-บางแก๊ง
มันเป็นเหมือน "ยาขัดรองเท้า" นายกฯ ประยุทธ์ ให้มันแวบเท่านั้น!
การทำงานของนายกฯ และทีมที่เด่นขึ้นในเจตนาทุกวัน เวลานี้ ประชาชนประจักษ์แล้วว่า
นี่คือ "สวรรค์รำไร" แท้จริง
สวรรค์ที่นายกฯ ตรากตรำสร้าง มันเป็นอนาคตทั้งของประชาชนทุกคนและของประเทศชาติส่วนรวม
นายกฯ เพียรสร้าง-เพียรทำมา ๕ ปี ๖ ปี ก็เพียงมะลำ-มะเลืองในสายตาชาวบ้าน
เพิ่งเห็นสว่างชัด กระจ่างตา-ประทับใจ ก็เพราะแก๊ง "รังโจร" ในสภานั่นแหละ การก่อกวนประเทศไม่หยุดหย่อน ทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย รังเกียจ
เกิดภาพเปรียบเทียบ ฝ่ายแค้น ฉุดประเทศลงต่ำทุกวัน
แต่คนที่ถูกแค้น "นายกฯ ประยุทธ์".........
กลับทั้งฉุด ทั้งดึง สรรค์สร้าง-บูรณะประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้านให้ดีขึ้น สู่ทางอนาคตที่ยั่งยืนทุกวัน!
ยิ่งการทำทุกอย่างเพื่อ "ประชาชนต้องรอด" จากโควิด-๑๙ ระบาด และช่วยคนทุกหมู่-ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ลำบากยากไร้ ได้พอมีเงินยามลำบาก
โบราณบอก "คำพูดเป็นเงินเป็นทอง"
แต่ครั้งนี้ การที่นายกฯ ไม่พูด ให้ทุกคน...ใครอยากด่า เชิญด่า ใครอยากระบาย เชิญระบาย
การไม่พูด-ไม่ตอบโต้ มุ่งแต่ทำ นั่นคือทอง ที่ค่าเหนือล้านคำพูด
ไม่มีกองไว้ให้เห็นที่ไหนหรอก
เพราะมันก่อเกิดเป็น "สำนึก" อยู่ในใจประชาชน ต่อการทำในทางกอบกู้ทุกอย่าง เพื่อให้ชาติ-ประชาชนอยู่รอด และก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกัน!
นามธรรมสำนึกเช่นนี้แหละ.........
ทำให้ประชาชนเริ่มอึดอัด เบื่อหน่าย รำคาญใจอีกครั้ง เมื่อรู้ว่า "สภาผู้แทนฯ" เปิดสมัยประชุมวันนี้แล้ว
การพูดจาพาประเทศเดินหน้าไม่มี มีแต่ชักดึงให้ดิ่งจม การตรวจสอบในความหมายถ่วงดุลเป็นแค่อ้าง
แต่เจตนามุ่งทางแค้น ด่ามัน และฆ่ามัน คือด่านายกฯ และล้มรัฐบาล!
การเมืองซีกแค้นวันนี้ อ้างประชาธิปไตยเป็นสรณะ แต่การกระทำ กลับชั่วร้าย คือ ประชาธิปไตยเทียม
ใส-ซื่อ-ไม่โกง ยึดประชาชน, ประเทศชาติเป็นตัวตั้ง อย่างนายกฯ ประยุทธ์ คือ ประชาธิปไตยแท้
เปิดสภา แต่เห็นสุมหัวจองเวลาสิบวัน ในการชำแหละรัฐบาล เรื่องการใช้จ่าย "เงินกู้ ๑ ล้านล้าน" โครงการต่างๆ ในสถานการณ์โควิด
หลักการมันต้องเป็นอย่างนั้น คือต้องตรวจสอบตามระบบอยู่แล้ว
แต่เท่าที่สังเกต ใน ๑ ล้านล้าน ซ่อนเชิงขอหารแบ่งไปที่ ๔๐๐,๐๐๐ ล้าน เป็นตัวตั้งมากกว่างบเยียวยา, ชดเชยคนในสาขาอาชีพต่างๆ และด้านการสาธารณสุข
เพราะเท่าที่ฟังจากรองนายกฯ สมคิดเคยแถลงว่า ๔ แสนล้านนี้ มุ่งกระจายลงพื้นที่ภาคเกษตรทั่วประเทศ
ยึดปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นหลักในการขับเคลื่อนแผนและเป้าหมาย
ครอบคลุมถึงเกษตรแปรรูป โครงสร้างพื้นฐาน แหล่งน้ำเพื่อรองรับการเกษตร
นำไปสู่เศรษฐกิจชุมชน การท่องเที่ยว ครบวงจรไปถึงการพัฒนาระบบดิจิทัลรองรับเศรษฐกิจท้องถิ่น และการฝึกอบรมรวมถึงการจ้างงานระยะสั้น
ก็จากช่วงมิถุนา.ไปถึงกันยา.ราวๆ นั้น!
ที่ยกมาให้เป็นภาพคร่าวๆ คืออยากบอกว่า เพราะงบ ๔ แสนล้านนี้กระมัง? เป็นเหตุให้ช่วงนี้ รองฯ สมคิด รัฐมนตรีอุตตม รัฐมนตรีสนธิรัตน์ รัฐมนตรีสุวิทย์ และกอบศักดิ์ เป็นแหล่งดึงดูดครกกะบากสากกะเบือให้มาหล่นใส่
ไม่เว้นกระทั่ง "คนในพรรค" พลังประชารัฐกันเอง!?
มองเผินๆ ทางซีกแค้น เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบตามปกติ
ทางซีกรัฐบาลในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหลายแก๊ง-หลายก๊ก ก็มองว่า เป็นศึกชิงอำนาจ ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค รองนายกฯ ประวิตร เขาอยากเป็นเจ้าสำนักเต็มตัว
แต่มีคำในการเมืองอยู่คำ โดยเฉพาะกับการเมืองภายในระบบพรรค คือคำว่า "ดูแล"
กับคนทั่วไป คำว่า "ดูแล" มันก็ตรงตัว
แต่ในภาษาการเมือง "ดูแล" หมายถึง ต้องนำมาแจกจ่าย แบ่งปัน เลี้ยงดู สม่ำเสมอทั้งรายเดือน ทั้งเฉพาะกิจรายการพิเศษ
๔ แสนล้าน เพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงนี่ ฝ่ายแค้นมองว่า มันปูพรมลงพื้นที่ทั้งประเทศ
แบบนี้ ฝ่ายรัฐบาล "หาเสียง-หาคะแนน" ตีกินฝ่ายเดียว ซีกแค้น นอกจากแห้งเหี่ยวหัวโตแล้ว
หัวยังฝ่อในพื้นที่ เพาะไม่งอกคะแนนจากชาวบ้านแน่
สภาเปิด ก็ต้อง "จัดหนัก-จัดเต็ม" กันหน่อย!
ฝ่ายพรรครัฐบาล หนึ่งพรรคร้อยขั้วทำนองนั้น คนไหนๆ ก็อยากให้ดูแล เพราะรองฯ สมคิด ขุนคลังอุตตม ไม่ดูแล หรือดูแลไม่ทั่วถึง ก็ไม่ทราบได้
ด้วยระบบดูแลทั่วถึง-ไม่ทั่วถึง มันจึงนำไปสู่เหตุตึงตัง-โครมคราม แย่งตำแหน่ง-ชิงเก้าอี้
ทรามบัดสี สะเทือนใจชาวบ้านที่ปลงใจฝากผี-ฝากไข้กับนายกฯ ประยุทธ์ ด้วยหวังจะใช้บริการพรรค "พลังประชารัฐ" ให้เป็นรัฐบาลในสมัยต่อๆ ไป
ชักเหนื่อยใจ ท้อแท้ ระอา กับ ส.ส.ในพรรคที่หลงเงาตัวเอง เหิมลำพอง จะเอาให้อิ่มกันแต่มื้อนี้ โดยไม่คิดยาวถึงมื้ออนาคต
สมมุติ...สมมุตินะ
ถ้ายุบสภา เลือกตั้งวันนี้-พรุ่งนี้ ใครจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ช่าง แต่ถ้านายกฯ ประยุทธ์เหนื่อยหน่าย
บอก ผมพอเแล้ว ไม่ขอเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคอีก
ผมต่อร้อยละสลึง......
พลังประชารัฐจะไม่ชนะเลือกตั้ง และจะเป็นฝ่ายค้านรอพรรคแตกตลอดไป
ต่อให้พลเอกประวิตรหรือใครที่เหิมว่าข้าแน่ นั่งหัวหน้าพรรค และมีเงินจ่าย
เมื่อขาดนายกฯ ประยุทธ์ ส.ส.คงได้บ้าง แต่จะเป็นร้อยเป็นแกนตั้งรัฐบาล อย่าหวัง!
เมื่อวาน ดูข่าวโทรทัศน์ นักข่าวห้อมหน้า-ห้อมหลัง รองฯ สมคิด ถามเรื่องตั้งพรรคใหม่ ได้ยินท่านตอบแวบๆ ว่า เอาเรื่องที่มีสาระกว่านี้มาถามดีกว่า
รองนายกฯ สมคิด ท่านเป็นคนโง่หรือคนฉลาด ผมไม่ทราบ
แต่ถ้าจริงตาม "ข่าวจ้างลง" วันก่อนว่าเตรียมตั้งพรรคใหม่
แบบนั้น แสดงว่า "รองนายกฯ สมคิด" โง่จริง!
เรื่อง ๔ แสนล้าน เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
ผมเชื่อนายกฯ ประยุทธ์ไม่ทำแบบ "ช่วยเฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคผม" อย่างที่บางนายกฯ ทำ
แผนนี้ เท่าที่ดู ดึงคนทุกภาคส่วน ไม่เว้นกระทั่งนักศึกษา ปราชญ์ชาวบ้านมาร่วม
ถ้านายกฯ และรองฯ สมคิด จะเชิญ "ทุกพรรค" ส่งคนและเสนอแนวคิด ร่วมลงพื้นที่ด้วย ก็น่าจะดี เพราะเพื่อประโยชน์สังคมชาติ ไม่มีพรรคหรอก มีแต่พวกเราคนไทยด้วยกันทั้งนั้น
ครับ........
ก็จบดื้อๆ ด้วยยินดีกับวัน "เปิดสภา" ละกัน!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |