ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกผ่านหลัก 5 ล้านคนแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี ลาตินอเมริกาน่าเป็นห่วง เปรูเป็นชาติที่ 2 ต่อจากบราซิลที่ยอดติดเชื้อทะลุแสนราย "โดนัลด์ ทรัมป์" ยังพาลพาโลกล่าวหาจีนสังหารหมู่ทั่วโลก ขณะ "สี จิ้นผิง" เปิดประชุมสภาที่ปรึกษาส่งสัญญาณชัยชนะเหนือสงครามไวรัส
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือ SARS-CoV-2 ทั่วโลกผ่านหลักหมุดอันน่าเศร้าตามคำเรียกขานของไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแห่งองค์การอนามัยโลก แล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 2563 โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อเวลา 18.00 น. มีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ใน 188 ประเทศและดินแดนทั่วโลกแล้ว 5,014,943 ราย เสียชีวิต 328,471 ราย
หลายประเทศในยุโรปที่สถานการณ์รุนแรงที่สุด ถึงขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตชะลอตัวลง ส่วนสหรัฐอเมริกายอดเสียชีวิตไม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องรายวันอีก แต่คาดว่าภายในไม่กี่วันข้างหน้าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจถึง 100,000 ศพ โดยยอดล่าสุดอยู่ที่ 93,493 ศพ ขณะที่ยอดสังเวยช่วง 24 ชั่วโมงถึงค่ำวันพุธนั้นยังคงมากกว่า 1,500 ศพเช่นวันก่อนๆ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1,551,853 ราย
บราซิลซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 6 ของโลก มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 3 ที่ 291,579 ราย น้อยกว่ารัสเซียที่พบผู้ติดเชื้อแล้ว 317,554 ราย บราซิลมีผู้เสียชีวิตแล้ว 18,859 ราย ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำขวาจัดที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งออกคำแนะนำให้ใช้ยาต้านมาลาเรีย คลอโรควิน และไฮดรอกซีคลอโรควิน ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แม้จะมีอาการเล็กน้อย ทั้งที่ผลการศึกษาบ่งชี้ว่ายานี้ไม่มีประโยชน์ต่อการรักษาและอาจมีผลข้างเคียงที่อันตราย อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีก็เพิ่งเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่าเขาก็กินยาต้านมาลาเรียอยู่เช่นกัน
ชาติอื่นในภูมิภาคลาตินอเมริกาที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล ได้แก่ เปรู, เม็กซิโก และชิลี กรณีของเปรูมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 104,020 รายเมื่อวันพุธ เป็นชาติที่ 2 ของภูมิภาคนี้และเป็นชาติที่ 12 ของโลกที่ติดเชื้อเกิน 1 แสนราย ต่อจากสหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, บราซิล, สหราชอาณาจักร (249,619 ราย), สเปน (232,555 ราย), อิตาลี (227,364 ราย), ฝรั่งเศส (181,700 ราย), เยอรมนี (178,545 ราย), ตุรกี (152,587 ราย), อิหร่าน (126,949 ราย) และอินเดีย (112,442 ราย)
เมื่อวันพุธ ทรัมป์ซึ่งใช้การโจมตีจีนเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เดือนพฤศจิกายนปีนี้ ทวีตกล่าวโทษจีนว่าเป็นสาเหตุของ "การสังหารหมู่ทั่วโลกครั้งนี้" ทรัมป์ยังยืนกรานด้วยว่าสหรัฐอเมริกากำลังเปลี่ยนผ่านกลับคืนความยิ่งใหญ่ โดยมลรัฐต่างๆ กำลังเริ่มเปิดเศรษฐกิจผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในระดับที่ต่างกันไป เขายังเสนอให้ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี 7) มาประชุมสุดยอดที่สหรัฐอเมริกาในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นการพบปะกันโดยตรงแทนที่จะประชุมทางไกล เพื่อส่งสัญญาณการกลับคืนสู่ภาวะปกติ
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงชี้แจงตอบโต้ทรัมป์ว่า จีนพูดความจริง นำเสนอความจริง และพูดด้วยเหตุผล จีนกำลังดำเนินการอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ จีนเป็นชาติแรกของโลกที่พบการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ปัจจุบันจีนมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 84,063 ราย และเสียชีวิตเพียง 4,638 ราย
เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เปิดการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน (ซีพีพีซีซี) ซึ่งเป็นกิจกรรมการเมืองครั้งใหญ่สุดของจีนในปีนี้ หลังจากถูกเลื่อนมานานหลายเดือนเพราะโรคระบาด นักวิเคราะห์กล่าวกันว่า การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ประธานาธิบดีสีและพรรคคอมมิวนิสต์จะยืนยันคำกล่าวอีกครั้งว่าจีนเอาชนะไวรัสได้ และเตรียมช่วยเหลือด้วยการส่งหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่ประเทศอื่นๆ
ไดอานา ฟู อาจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโทรอนโต กล่าวกับเอเอฟพีว่า การประชุมครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสที่สี จิ้นผิง จะประกาศชัยชนะอย่างสิ้นเชิงเหนือ "สงครามของประชาชน" ต่อไวรัสโคโรนา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |