นักแสดงอาวุโสมากฝีมือ พ่อรอง เค้ามูลคดี ควงลูกสาว ยุ้ย-ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี มาเผยความรู้สึกหลังครบรอบแต่งงาน 52 ปี กับ แม่ทุม-ปทุมวดี โสภาพรรณ พร้อมโต้ดราม่ายื้อแม่ทุมไว้ 8 ปี เป็นการทรมานแม่ทุม ผ่านทางรายการคุยแซ่บShow
สถานการณ์โควิด ครอบครัวเป็นยังไงบ้าง?
พ่อรอง : ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่กับบ้าน จะไปไหนที จะไปเยี่ยมคุณทุมลูกก็บอกว่าพ่ออย่าไปเลย อายุพ่อเยอะแล้ว ออกไปไหนก็เสี่ยง
ยุ้ย : คือเราจะกังวลมากคนสูงอายุจะติดเชื้อง่าย เราก็จะระวังคุณพ่อมาก
พ่อรองไม่ได้เจอแม่ทุมนานเท่าไหร่แล้ว?
พ่อรอง : เป็นเดือน เริ่มโควิดใหม่ๆเราก็รู้มันอันตราย เราก็ไม่มั่นใจตัวเราเอง เราจะเอาอะไรไปติดเขาหรือเปล่า เพราะตอนนี้ทุมเขารับอะไรง่ายมาก หรืออีกทีเราไปโรงพยาบาลเราจะไปติดโรคกลับมาบ้านหรือเปล่า ก็ทนอยู่เดือนครึ่งมันไม่ไหวแล้ว คนที่เคยไปหากันประจำๆ หอมแก้มกันทุกวัน อยู่ดีๆมันก็ไปไม่ได้ ก็บอกยุ้ยพ่อจะไปเยี่ยมแม่ พ่อไปไม่ได้ อ้างเหตุผลสารพัด
ยุ้ย : ส่วนตัวยุ้ยกลัวมากจนพ่อแซว คือกลัวแล้วก็ระวังทุกคน แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาไม่ไหวแล้ว เขาจะต้องไป มันตรงกับใจเรา เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราก็อยากจะไปแล้วเหมือนกัน
ช่วงเวลาที่พ่อไม่ได้เจอแม่เดือนกว่าๆ คิดถึงมากฝันถึงแม่เกือบทุกวัน?
พ่อรอง : ฝัน เราอาจจะพะวงถึงเขามาก นอนๆอยู่ตกใจตื่นมาตี3 ฝันว่าทุมมาเรียก เธอจะนอนอะไรนักหนา เธอมีงาน ฝันหลายครั้งมาก พ่อว่ามันเกิดจากความกังวล
ยุ้ย : ฝัน แต่ปกติไม่เคยฝัน อย่างที่พ่อบอก เราคิดมันอยู่ในหัวเราไม่ได้ไปหาเขานานแล้ว เราก็คิดถึง
พ่อกับแม่ครบรอบแต่งงาน 52 ปี ที่แต่งงานกัน?
พ่อรอง : ใช่ ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2511
ยุ้ย : หลังจากที่ไม่เจอกันเดือนกว่า สำหรับยุ้ยมันยไม่ได้มีอะไรที่มากไปกว่าปกติ เพราะคุณพ่อเขาปฏิบัตเหมือนเดิมทุกครั้งที่เขาไปหาคุณแม่ เพียงครั้งนี้อาจจะหอมแก้มไม่ได้ เขาก็จับมือ พูดคุย ซึ่งเป็นภาพที่เราเห็นปกติอยู่แล้ว
จนมาวันนี้พ่อรองไม่เคยทิ้งแม่ทุมเลย?
พ่อรอง : ไม่ทิ้ง จะบอกเลยว่าชีวิตนี้จะทิ้งกันก็ต่อเมื่อใครคนใดคนหนึ่งขึ้นไปตั้งอยู่บนเมรุ คำพูดนนี้เป็นคำพูดที่พ่อเคยบอกกับคุณพ่อแม่ทุมด้วย คือวันที่เราไปขอเขา พ่อเขาบอกว่าคุณมั่นใจได้มากแค่ไหนว่าคุณจะเลี้ยงลูกผม ผมบอกว่าผมมั่นใจครับ พ่อก็บอกว่าคุณมีสินสอดไหม ผมก็บอกว่าไม่มี ผมยังเป็นหนี้สโมสรด้วยซ้ำ แล้วเขาก็บอกว่าคุณมั่นใจได้ยังไงว่าคุณไม่ทิ้งลูกผม เราก็ก้มลงไปกราบเท้าแล้วบอกว่าพ่อครับ ผมให้สัญญากับพ่อว่า ผมกับทุมจะแยกจากกันก็ต่อเมื่อใครคนใดคนหนึ่งขึ้นไปตั้งอยู่บนเมรุแค่นั้น เราก็เลยรักษาสัญญานั้นมาตลอด
หลายคนก็มองว่าการที่ยื้อแม่ไว้อยู่ รพ.ถึง 8 ปี ทำให้แม่ทรมานหรือเปล่า?
พ่อรอง : ต้องบอกว่าคนที่เขาคิดแบบนี้ เขาอาจจะคิดไปคนละด้านกับเรา เขาไม่เคยเห็นแม่ บางคนไม่เคยไปเยี่ยมแม่ก็ไม่รู้ว่าแม่มีสภาพเป็นยังไง เขาคงจะวาดภาพว่าแม่คงจะนอนเหมือนเจ้าหญิงนิทรา แล้วถ้าถอดสายออกซิเจนออกแม่ก็คงจะไปก็มีส่วนที่เขาคิดได้ แต่สภาพความเป็นจริงที่เราเห็นอยู่ทุกวัน แม่เขายังรับรู้ จริงๆ แล้วเขายังหายใจเองได้ แต่ออกซิเจนเป็นตัวช่วยเขา แล้วเราจะทนได้เหรอ
บางคนบอกว่าไอ้รองถอดสายเถอะ เราก็ไม่อยากเถียง เพราะเขาไม่รู้ เราก็นึกในใจนี่เมียฉันนะ ถ้าถอดแล้วเมียฉันต้องทุรนทุรายเป็นชั่วโมงแล้วฉันต้องทำยังไง เราก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรหรอก หมอบอกว่าโรคนี้มันไม่ทรมานหรอก ถึงเวลาเขาจะละสังขารเขา เขาก็จะหลับไปเอง ก็ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า สมมติว่าวันดีคืนดีเขารู้ว่าวันนี้เขายังดีๆอยู่ๆแล้วเห็นเราไปกับยุ้ย แล้วไปถอดออกซิเจนเขาออก เขาก็จะนึกว่าไหนว่ารักฉัน ทั้งเธอ ทั้งลูก รวมหัวฆ่าฉันทั้งเป็น มันยิ่งบาปกับเรา
แล้วมีอะไรจะบอกคนที่คิดแบบนี้ไหม?
พ่อรอง : ก็ต้องบอกว่าเขายังรับรู้ เราบอกให้เขายิ้มเขาก็ยิ้ม หมอบอกเป็นบางช่วงที่เขารับรู้ แต่เป็นบางช่วงถ้าเขาไม่รับรู้เขาก็จะมองเราแวบไปมองเพดาน มองไฟ แต่เขายังรับรู้อยู่ ความดัน ออกซิเจน หัวใจ ก็ยังปกติ ต้องบอกทุกคนว่าผมไม่ได้ยื้อ เราก็ดีใจที่เขาอยู่ในสภาพแบบนี้ เราก็มีความหวังว่าเขาจะอยู่กับเราตลอดไป
ยุ้ย : ก็อย่างที่พ่อพูดทุกคนก็สามารถคิดได้ ไม่ได้มีใครมาเห็นว่าคุณแม่เป็นยังไง แต่ทุกครั้งที่เราไปเวลามีคนถามว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง มีกำลังใจได้ยังไง คือยุ้ยบอกยุ้ยคิดวันต่อวัน ทุกครั้งที่ยุ้ยไปหาแม่ แล้วแม่ดูแบบสดใส ความดันอะไรต่างๆดีกว่าคุณพ่อด้วยซ้ำ คือไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ใช่เราไม่คิดเผื่อนะ คือเราคิดและมีการคุยกันอยู่แล้ว ถ้ามันถึงเวลานั้นจริงๆเราจะต้องทำยังไง แต่ ณ วันนี้มันยังไม่ถึง ยุ้ยก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไรเลยใครจะคิดยังไง ทุกคนสามารถคิดได้ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าอาจจะเป็นห่วง กลัวคุณแม่ทรมาน ก็ต้องขอบคุณ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้ยินมาค่อนข้างเป็นไปในทางบวก
พ่อรองกับพี่ยุ้ยมีความเชื้อไหมว่าสักวันแม่ทุมจะกลับมาเป็นปกติ?
พ่อรอง : นั่นมันเป็นความหวังของเราอยู่แล้ว ในโลกของความเป็นจริงมันจะเป็นยังไง ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น แต่ในเรื่องส่วนตัวของเรา เราก็หวังเสมอว่าแม่จะต้องดีขึ้น แม่จะต้องมีโอกาสกลับมาอยู่กับเรา เราอยู่ด้วยความหวัง แล้วเราก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แต่คนที่เข้มแข็งที่สุดในบ้านเป็นยุ้ยนะ คนที่เครียดและคิดเรื่องนี้มากที่สุดน่าจะเป็นพ่อ
ที่ผ่านมาพ่อเคยร้องไห้บ้างไหม บ่อย เวลานอนบางทีเขาขึ้นนอนกันแล้วแต่พ่อยังนอนไม่หลับ ทุกวันนี้พ่อต้องเปิดพระสวดมนต์ เพื่อให้พ่อหลับ ไม่งั้นพ่อจะไม่หลับคิดเรื่อยๆ น้ำตาก็จะไหลเอง ทำไมเราต้องมาเป็นอย่างนี้ ชีวิตเรากำลังจะมีความสุขอยู่แล้ว ทำไมเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา
ขออนุญาตถามเรื่องค่ารักษาได้ไหม?
พ่อรอง : มีคนถามพ่อหลายคน พ่อบอกว่าพ่อไม่เคยคิด เพราะว่าเรา 3 คน พ่อ ลูกชาย แล้วยุ้ย เนี่ยเท่าไหร่คือเท่านั้น แล้วไม่มีการคิดว่าหมดเท่าไหร่ จะหมดเท่าไหร่ให้มันหมดไปเพื่อรักษาชีวิตคนที่เรารักเอาไว้ เงินฉันหาได้ แต่ชีวิตเธอฉันหาไม่ได้ ถ้าเธอเป็นอะไรไปฉันจะทำยังไง แต่งานฉันยังทำได้ ฉันยังหาเงินได้ พอได้เงินมาก็เก็บไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เก็บไว้ดูแลเธอให้ดีที่สุด
พ่อเคยบอกถ้าวันไหนพ่อไปก่อน ทุกอย่างที่เป็นของพ่อให้พี่ยุ้ยเอาไปทุ่มรักษาแม่ให้หมด?
พ่อรอง : ถูกต้อง ก็เคยคิดว่าเราอายุมากกว่าเขา เราทำงานหนักพอสมควร ถ้าวันหนึ่งฉันอาจต้องไปก่อนเธอก็จะบอกลูกไว้ว่าตังค์พ่อมีนะลูกเอาไปดูแลแม่แล้วกัน สำหรับพ่ออะไรก็ได้ที่มันเรียบง่าย