อุดร ดวงเดชา ที่กำลังลุ้นแชมป์ออลไทยแลนด์ทัวร์รายการที่ห้าในชีวิตหวดเข้ามาอีก 4 อันเดอร์พาร์ 67 แซงขึ้นนำด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 204 โดยมี พรหม มีสวัสดิ์ ที่ลากเบอร์ดี้ระยะกว่า 30 ฟุตลงไปบนกรีนหลุมสุดท้ายไล่หลังเพียงสโตรคเดียวเท่านั้น ในศึกกอล์ฟอาชีพ สิงห์ หัวหิน โอเพ่น ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน พาร์ 71 จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา

         ศึกออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์รายการที่สามของฤดูกาลที่สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน ในรอบสามต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายจนต้องพักการแข่งขันไปประมาณ 3 ชั่วโมง แต่สุดท้ายสามารถกลับมาเล่นจบรอบได้โดย อุดร ดวงเดชา นักกอล์ฟจากเชียงใหม่ขยับขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 204

         ในรอบสาม อุดร โปรวัย 47 ปีเจ้าของแชมป์ออลไทยแลนด์ทัวร์ 4 รายการเก็บเข้ามา 5 เบอร์ดี้ ก่อนมาพลาดเสียโบกี้ที่หลุมสุดท้าย ก่อนกลับขึ้นคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสามวันแซงขึ้นนำการแข่งขันหนึ่งสโตรค

         อุดร กล่าวหลังจบรอบสามว่า "วันนี้มีฟ้า ฝน อากาศเข้ามารบกวน ก็พยายามตีคุมเกมให้ได้ ไม่ได้ไม่เป็นไรแต่ต้องไม่เสีย ช่วงแรกๆก็ทำได้ดี ช่วงแรกๆก็ดีตีเข้าไปใกล้แล้วขึ้นไปพัตต์ลง มาพลาดที่หลุมสุดท้ายซึ่งผมแรงมาก เผื่อเหล็กไปแล้วยังไม่พอก็เสียโบกี้ไป"

         นักกอล์ฟจากเชียงใหม่ที่เคยมาชนะที่หัวหินเมื่อปี 2538 ในรายการของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ กล่าวถึงการเล่นในรอบสุดท้ายว่า "ก็ตามจังหวะ เพราะคนอื่นก็ขึ้นมาได้ จะทำให้ดีที่สุด ส่วนจะจะแพ้ชนะมันอยู่ที่ใครอดทนกว่าก็ชนะไป เพราะสนามหัวหินบนกรีนเขาลือชื่ออยู่แล้ว เราก็ต้องบทำใจ พยายามออนสร้างโอกาสให้ตัวเองเยอะๆ เดี๋ยวมันก็พัตต์ลงเอง"

         ทางด้าน พรหม มีสวัสดิ์ โปรเจ้าถิ่นวัย 33 ปี เจ้าของแชมป์ออลไทยแลนด์ 5 รายการ ยังมีโอกาสลุ้นครองแชมป์ที่สนามกอล์ฟหลวงหัวหินเป็นครั้งแรกในชีวิตหลังลากเบอร์ดี้ระยะกว่า 30 ฟุตลงไปบนกรีนหลุมสุดท้าย ก่อนจบรอบสาม 1 อันเดอร์พาร์ 70 รวมสามวันตามหลังผู้นำเพียงสโตรคเดียวเท่านั้น

         "วันสุดท้ายน่าจะสนุก เพราะอย่างน้อยก็สร้างโอกาสให้ตัวเองขยับเข้ามาอีกหนึ่งแต้มจากพัตต์ไกลที่หลุมสุดท้าย วันนี้มันจะเล่นยากหน่อย เพราะว่ามันมีฝน ลม แล้วสภาพกรันค่อนข้างชื้น เวลาชิพมันจะยากกว่าปกติ แต่ก็พยายามตีประคองตัวเอง ก็ตีโอเคนะมีโอกาสขึ้นไปพัตต์ให้โอกาสตัวเอง แต่บางทีมันขึ้นไปออนในไลน์ที่อยู่ยาก"

         พรหม ที่ชนะออลไทยแลนด์ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2012  ในการแข่งขันที่บูรพากอล์ฟ ยังได้กล่าวถึงการเล่น 18 หลุมสุดท้ายบนสนามที่ได้ชื่อว่าบ้านเกิดของตนเองด้วยว่า  "เหมือนเดิมครับ เล่นเหมือนเดิม เพราะที่นี่ต้องตีให้ออน ต้องให้โอกาสตัวเองเยอะๆ ใครพัตต์ลง  ไม่ใช่ใครพัตต์ดี เพราะสนามที่นี่ต้องใครพัตต์ลงถึงจะชนะ" 

         อันดับสามเป็น พีรดนย์ ปัญญาธนะเศรษฐ์ ที่ออกสตาร์ทรอบสามในฐานะผู้นำร่วมและมาพลาดเสียดับเบิ้ลโบกี้ที่หลุมสุดท้าย จบรอบสาม 2 โอเวอร์พาร์ 73 รวมสามวัน 5 อันเดอร์พาร์ 208 ดีกว่า ชนะโชค เดชภิรัตนมงคล ที่หวดเข้ามา 2 อันเดอร์พาร์ 69 สโตรคเดียว

         ทางด้านแชมป์เก่า สุรดิษ ยงค์เจริญชัย ใช้พิชชิ่งเวดจ์หวดโฮลอินวันที่หลุม 4 พาร์ 3 ระยะ 148 หลา ก่อนจบรอบสาม 1 โอเวอร์พาร์ 72 รวมสามวัน อีเวนพาร์ 213 อยู่อันดับเก้าร่วม ซึ่งนักกอล์ฟวัย 19 ปีจากนครปฐมกล่าวว่า "ตีพิชชิงเวดจ์ตามลม ลูกเข้าธงก็ไม่ได้คิดอะไร ตกไปแล้วลูกหาย เดินไปก๊วนหน้าบอกว่าโฮลอินวัน เป็นโฮลอินวันครั้งที่สามในชีวิตแต่เป็นครั้งแรกในการเล่นอาชีพครับ สำหรับเกมในปีนี้พัตตืไม่ดีเหมือนปี่ที่แล้ว รอบสุดท้าบเล่นให้สนุกอย่างเดียวเลยครับ

         ส่วนประเภทหญิงแข่งขัน 3 วัน ชิงเงินรางวัลรวม 200,000 บาท เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายและจบ 54 หลุมยังหาผู้ชนะไม่ได้  ปรีณาพรรณ พุ่มคล้าย และ สุริยา สงวนนาม ที่จบสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามาคนละ 3 โอเวอร์พาร์ 74 รวมสามวันยังเท่ากันที่ 10 โอเวอร์พาร์ 223 ต้องหาผู้ชนะด้วยการซัดเด้นเดธ เพลย์ออฟ

         เพลย์ออฟหลุมแรกที่หลุม 1 พาร์ 5 ยันกันด้วยโบกี้ ก่อนที่ ปรีณาพรรณ จะได้ฉลองชัยชนะครั้งแรกในการเล่นอาชีพด้วยการเซฟโบกี้ที่หลุม 2 พาร์ 4 รับเงินรางวัลไปครอง 32,000 บาท ส่วน สริยา รับเงินรางวัลปลอบใจไป 25,500 บาท

        "ดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ หนูไม่คิดว่าจะชนะเพราะมาเล่นที่สนามแห่งนี้ไม่เคยทำได้ดีเลย แล้วตื่นเต้นมากเพราะเป็นการเพลย์ออฟครั้งแรกด้วย มือไม้สั่นไปหมด ตอนเพลย์ออฟหลุมแรกพัตต์เก็บเข้าไปจรดมือสั่น ต้องออกมาหายใจยาวๆแล้วเข้าไปพัตต์ใหม่" ปรีญาพรรณ โปรสาวหัวหินวัย 22 ปี กล่าว "หนูคิดว่าทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ตอนเพลย์ออฟหนูมองถ้วยไว้ เพราะหนูอยากได้"