สมช.เห็นชอบต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือนจนถึงสิ้น มิ.ย.


เพิ่มเพื่อน    

21 พ.ค.63 - ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ​ (สมช.)​ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมส่วนราชการเพื่อประเมินความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019​ (โควิด-19) ว่า ในการประชุมได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคง ข่าวกรอง สาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาหารือ โดยพยายามชั่งน้ำหนักทุกมิติ แน่นอนว่าความมั่นคงเป็นแกนหลัก แต่เห็นความสำคัญของด้านสาธารณสุขเป็นหลักเช่นเดียวกัน นั่นคือแนวคิดที่ทำมาตั้งแต่ต้น ให้ความสำคัญเรื่องนี้สำคัญที่สุด

ทั้งนี้ ปัจจุบันแม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่สถานการณ์โลกยังน่าเป็นห่วง มีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน ไทยเองแม้จะประสบความสำเร็จแต่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง การผ่อนคลายต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไ่มต้องการให้การติดเชื้อระลอกสอง ด้วยเหตุผลความจำเป็น ทุกหน่วยจึงเห็นพ้องต้องกันให้ขยายการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือนเพื่อให้ครอบคลุมห้วงระยะเวลาเดือน มิ.ย.ทั้งเดือน โดยจะเสนอให้ ศบค.พิจารณาในวันที่ 22 พ.ค. ถ้าเห็นด้วย จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า

พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถือเป็นเจตนารมณ์ตั้งแต่แรกที่เราต้องการเอาเครื่องมือทั้งหลายหรือกฎหมายหลายฉบับมารวมไว้ที่เดียวกัน จะเห็นว่าเมื่อประกาศใช้ เราได้ตั้ง ศบค. และใช้กฎหมาย 40 ฉบับอยู่ภายใต้กำกับนายกรัฐมนตรี ทำให้การสั่งการเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพ ส่วนสาเหตุต้องต่ออีก 1 เดือน เพราะในเดือน มิ.ย. เป็นช่วงการผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 ต้องยอมรับว่าการผ่อนคลายทุกระยะมีความเสี่ยงทุกขณะ ถ้าผ่อนคลายอย่างไม่ระมัดระวังการแพร่ระบาดอาจจะกลับมาอีกและหนักกว่าเดิม เราจึงเห็นว่าการมีเครื่องมือในการกำกับดูแลอย่าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือตัวเป็นกำหนดตัวที่ดีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าบางฝ่ายมองว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.อ.สมศักดิ์​ กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด เราไม่เคยคำนึงถึงเรื่องการเมืองเลย จนถึงวินาทีนี้ในฐานะที่ตนร่วมแก้ปัญหานี้มาตั้งแต่ต้นกล้ารับประกันว่า เราไม่ได้เอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังคงใช้เพื่อป้องกันการแพร่ะระบาดของโควิด ไม่มีนัยยะทางการเมือง อาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่ม แต่ทั้งหมดนี้เพื่อให้เกิดผลทางด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ

เมื่อถามถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับการมาตรการเคอร์ฟิว พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้คุยกันเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพียงอย่างเดียว แต่เรื่องการผ่อนคลายระยะที่ 3 จะพูดถึงเรื่องเคอร์ฟิวด้วย ซึ่งจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ค. ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้กระทบชีวิตประชาชน ซึ่งอาจจะมีผ่อนคลายในห้วงระยะเวาที่เหมาะสม แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะปรับเหลือระยะเวลาเท่าไร ทั้งนี้มาตรการเคอร์ฟิว ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดดีขึ้น จำกัดความเคลื่อนไหวของคนบางประเภทที่ไม่ยอมใช้ชีวิตแบบสมถะ และทำให้การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามต้องดูอีกครั้งว่าในการผ่อนคลายระยะที่ 3 อาจจะพิจารณาให้ห้วงเวลาลดน้อยลงหรือเท่าเดิม ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลความจำเป็น

เมื่อถามว่า ที่ประชุมพูดถึงมาตรการผ่อนคลายเกี่ยวกับโรงเรียนหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเปิดเทอมวันที่ 1 ก.ค. ดังนั้นในห้วงเดือน มิ.ย.จะมีการพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ เพราะสถานการณ์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ และฝรั่งเศส  หลังจากเปิดโรงเรียนแล้ว ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น ดังนั้นก่อนเปิดเรียน ต้องมีการพูดคุยกันอย่างเข้มมข้น ว่าจะเปิดในลักษณะไหน รูปแบบไหน  เท่าที่ฟัง รมว.ศึกษาธิการ การเปิดเทอมยังอยู่ที่วันที่ 1 ก.ค.และจะยึดถือกำหนดนั้นต่อไป แต่ถ้าจะเปิดเทอมก่อนหน้านั้น ก็ต้องมาคุยกันว่ามาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และ สมช.แจะดำเนินการอย่างไร

ส่วนการพิจารณากรอบระยะเวลาในการเปิดสนามบินนั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เป็นเรื่องพิจารณาของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กทพ.) และเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับมาตรการในภาพรวมอยู่แล้ว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"