"การบินถึงการพรรคพปชร."


เพิ่มเพื่อน    

           อะไรมันจะขนาดนั้น...หือ!?

            ก็ "การบินไทย" นั่นแหละ วันจันทร์ทะร่อ-ทะแร่ ชาวหุ้นแย่งกันขายจนหัวปักทะลุดิน เหลือ ๓.๖๖ บาท

                รุ่งขึ้น วันอังคาร (๑๙ พ.ค.)

                พอนายกฯ บอก "ผมตัดสินใจแล้ว ไม่อุ้ม...ส่งเข้ากระบวนการฟื้นฟู"

                เท่านั้นแหละ จากหัวทิ่มดิน พรวดเดียว แย่งกันซื้อพุ่งทะลุระดับ ๓ หมื่นฟุต ไปลอยตัว smooth as silk อยู่ที่ ๔.๗๐ บาท           

                โอ้โห...

                ใครซื้อไว้ "วันเดียว" รวยยิ่งกว่าถูกรางวัลที่ ๑ ยกชุด!

                และเมื่อวาน (๒๐ พ.ค.) นึกว่าจะทำกำไรกัน แต่ที่ไหนได้ คงทะลุเพดานเมฆต่อ ที่ ๕ บาทกว่า ก่อนตลาดเปิด

                และแข็งอยู่ตรงนั้นจนตลาดปิด ที่ ๕.๔๐ บาท

                แบบนี้ แสดงถึงอะไร?

                คำเดียวที่ไม่ต้องตอบ เพราะทุกคนรู้กับใจ

                ๑.ตลาดเชื่อการตัดสินใจของนายกฯ ประยุทธ์

                ๒.ตลาดเห็นด้วยกับแนวทางฟื้นฟูกิจการ โดยคลังลดถือหุ้น จาก ๕๑% เหลือ ๔๗% พ้นเป็นรัฐวิสาหกิจ ประเภท ๑ เป็นประเภท ๓

                ๓.ตลาดพอใจการโละบอร์ด และส่ง ๓ มือผ่าตัด "เทวินทร์ วงศ์วานิช-ชาติชาย พยุหนาวีชัย-นายจรัมพร โชติกเสถียร" เข้าไปบริหาร สู่กระบวนการทำแผนฟื้นฟู

                ๔.ตลาดมั่นใจว่า การฟื้นฟูจะสำเร็จ การบินไทยจะพ้นการเมืองส่งคนเข้าไปครอบงำทางบริหารและบริการ

                ๕.ตลาดเชื่อในมาตรฐาน "ศาลล้มละลายกลาง" จะคุมเกมการเจรจาต่อรองของเจ้าหนี้-ลูกหนี้ และทุกอย่างจะจบบนโต๊ะต่อหน้าศาล โดยไม่มีอำนาจนอกเข้ามาก้าวก่ายได้ และ

                ๖.การบินไทย เมื่อปลอดการเมือง, ไม่มีสหภาพฯ หนี้สินทั้งหลายจบกัน ด้วยการลงทุนใหม่ และบริหารโดยมืออาชีพ การบินไทยจะกลับมา "ใหญ่เท่าฟ้า" ยิ่งกว่าเดิม

                นี่คร่าวๆ ในความเห็นผม.......

                ที่เป็นแรงกระตุ้นให้แย่งกันซื้อหุ้นการบินไทย มีแต่แย่งซื้อ แต่ไม่มีใครยอมขายเมื่อวาน

                ส่วนวันต่อๆ ไป จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับข่าวคราวคืบหน้าจากรัฐบาล จะขึ้น-จะลง อยู่ที่ข่าวเป็นสัญญาณจากรัฐบาลส่งออกมา

                แต่ทั้งหลาย-ทั้งปวง ต้องทำความเข้าใจเพื่อ "ทำใจ" ด้วย การบินไทย ในกระบวนการฟื้นฟู ต้องปรับโครงสร้างทุกอย่าง

                การลดทุนแล้วเพิ่มทุน หนีไม่พ้นอยู่แล้ว

                จาก ๑๐ บาท โอกาสเหลือ ๑ สตางค์ ไม่เหนือคาดหมาย ฉะนั้น ต้องเตรียมเงินอีกก้อนไว้ซื้อ "หุ้นเพิ่มทุน" เป็นการตามทุนของตัวเองด้วย

                สรุปแล้ว ใครอยากรวยจากหุ้นการบินไทย ต้องเข้าใจคำพังเพยที่ว่า "รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ" ให้ถ่องแท้

                ซื้อแล้ว ต้องเก็บใส่ไหดองไว้ แล้วทำลืมไปเลย อย่างน้อย "ปีครึ่ง" ค่อยเปิดออกดู

                จากที่ซื้อ ๕ บาทกว่าวันนี้ อีกปี-สองปี คิดในทางทำใจไว้ก่อน ว่าอาจแห้งเป็นผุยผงคาก้นไหก็ได้

                หรือเป็นถั่วงอกการบินไทย สะพรึ่บ-สะพรั่ง งอกทะลุไห พุ่งขึ้นไปมากกว่าเท่าตัวก็ได้

                คนมีเงินเหลือใช้ ในยุคดอกเบี้ยเรี่ยดิน เมื่อวาน (๒๐ พ.ค.) แบงก์ชาติประกาศลดเหลือร้อยละ ๐.๕๐ ต่ำสุดนับแต่มีแบงก์ชาติมา

                เอาเงินมาซื้อหุ้นการบินไทยเก็บไว้ ยังไงๆ งอกเงยกว่าฝากแบงก์ ๙๙.๙๙%

                เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เลิกหวังว่าดอกเบี้ยจะขึ้น มีแต่จะลง และลงถึงขั้นฝากแบงก์ที่แทนจะได้ดอก กลับต้องเสียเงินให้แบงก์เป็นค่ารับฝาก

                ไม่ได้พูดเล่น เวลานี้ก็เป็นอย่างนี้แล้ว!

                ของไทยเราก็เถอะ ที่เหลือ ๐.๕๐ อย่านึกว่าต่ำเตี้ยนะ ยังต้องลดอีกแน่ ไม่งั้น ทั้งในและนอก แห่กันมาซื้อพันธบัตรเอาดอกเบี้ยกันเราตายเลย

                เพราะต่างประเทศ อย่างสหรัฐฯ ดอกเบี้ยเขาเหลือ ๐% อย่างดีก็ ๐.๒๕% เท่านั้น

                ความจริง แค่นั้นก็ตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะความเป็นขาใหญ่ ใจกล้า-หน้าด้าน พิมพ์กระดาษเป็นธนบัตรได้เองตามใจชอบ

                ถึงขนาดนั้น ระยะยาว ยังไงก็ไม่รอด เพราะดอลลาร์ใกล้หมดสภาพ "ปิโตรดอลลาร์"

                ทั้งประเทศขาใหญ่-ขาเล็ก เงินสำรองระหว่างประเทศที่เคยสะสมดอลลาร์เป็นหลัก เริ่มเกลี่ยไปสกุลอื่นๆ และทอง

                เหลืออำนาจเดียวในการพยุงค่าดอลลาร์ ผู้สันทัดกรณีโลกเขาบอกว่าเหลือ "แค่กองทัพ" เท่านั้น

                 แต่ตอนนี้ ทั้งจีน ทั้งรัสเซีย ขึ้นมาเฉลี่ยความขลัง ด้วยอาวุธถึงยังไม่เหนือ แต่ถ้าปะทะ ๒ ต่อ ๑ อินทรีโอกาสเป็นอีแร้งขนหลุดก็มีสูง

                ยิ่งทรัมป์เก่งในทางทำให้คนทั้งโลกเกลียดสหรัฐฯ ได้เร็วและมากขณะนี้ โอกาสที่สหรัฐฯ เป็น "จ้าวโลกแต่ผู้เดียว" เห็นจะยากแล้ว!               

                เพราะคลอนแคลนไป ๒ อำนาจค้ำดอลลาร์ คืออิทธิพลเหนือตลาดน้ำมัน และประเทศต่างๆ มองว่า การสะสมดอลลาร์เป็นเงินสำรองไว้มากๆ อัตราเสี่ยงสูง

                ด้วยอำนาจเดียวที่เหลือค้ำอยู่ คือแสนยานุภาพทางอาวุธ ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่ทรัมป์ชวนโลกทะเลาะ ท้าดวลทุกรูปแบบขณะนี้

                เพราะด้วยเศรษฐกิจไปไม่ได้แล้ว ทั้งหนี้สินล้นเกินล้นประเทศ ยิ่งภาวะ "สงครามโรคเหนือสงครามขีปนาวุธ" เข้าอีกตอนนี้

                มีแต่เวทีก่อสงคราม "ชวนตี-ชวนรบ" ให้แหลกและราบไปด้วยกันทางเดียวเท่านั้น ที่จะเรียกว่าเป็นทั้ง "สงครามล้างโลกและสงครามล้างหนี้"!

                นี่...

                วันนี้ ผมทนคุยเฉไฉไปงั้น เพราะวัน-สองวันนี้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระสับ-กระส่าย ปวดหัว ตัวร้อน ปวดท้อง ลิ้นเป็นหละละออง คล้ายเป็นไข้

                จะว่าถูกของ ก็ไม่แน่ใจ ว่าของลับหรือของแจ้ง เลยก่งก๊งทางสมอง

                ว่าจะคุยเรื่องการบ้าน-การเมือง ว่าด้วยการพรรคแกนนำรัฐบาล คือ "พรรคพลังประชารัฐ" ซักหน่อย เพราะไม่รู้เป็นบ้าอะไรของเขาหมู่นี้

                หรือถูกของเหมือนผมก็ไม่ทราบ เห็นมีแต่ข่าวชิงอำนาจในพรรคกัน ซึ่งน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงมาก

                ไม่เห็นใจนายกฯ ประยุทธ์หรอก เพราะท่านมีตำแหน่งเหนือพรรค ไม่ได้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ

                แต่สงสารท่าน........

                งกๆ จนซูบผอมหัวโต ทั้งวัน-ทั้งคืน คิด, คร่ำเคร่งกับภาระหน้าที่ ด้วยปณิธานสำนึกต่อ "พ่อบนฟ้า"

                ต่อ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๑๐

                และต่อสุข-ทุกข์พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหมด-ทั้งมวล ว่าจะทำอย่างไร ให้อยู่ดี-มีสุข กันตามฐานานุรูป

                ให้สมกับที่มอบหมายให้ท่านเป็นนายกฯ ในระบบเลือกตั้ง

                ด้วยเชื่อในดวงใจและสัจจะซื่อนายกฯ ..........

                ว่าจะต้องนำพาประเทศ-มวลประชา ไปสู่แสงสว่างแห่งทางอนาคต บนการทำมาหากินในทางสุจริตแน่นอน

                งานประเทศ ด้วยชีวิตคนกว่า ๖๘-๖๙ ล้านรอคอย นายกฯ งกๆ ทำไป

                แล้วทำไมล่ะ "พี่ป้อม" ถึงปล่อยให้การแย่งตำแหน่งหัวหน้า-เลขาฯ พรรค การแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี ภายในพรรคเกิดขึ้นเป็นเรื่องทุเรศ

                จนชาวบ้านที่ศรัทธาในตัวนายกฯ ต้องพลอยเหนื่อยหน่าย เพลียใจ กับพฤติกรรมน่ารังเกียจ-น่าขยะแขยง จากคนในพรรค

                ไม่อยากโทษ ส.ส.ในพรรคหรอก เพราะนั่นธรรมชาติกำเนิดเขา

                แต่ต้องถามลุงป้อม "พลเอกประวิตร" ในฐานะพี่ใหญ่ ไม่อยากใช้คำว่า "รู้เห็นเป็นใจ" แต่อยากถามว่า ปล่อยเรื่องทรามเช่นนี้ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร?            

                ท่านจะให้ "น้องเล็ก" ของท่าน อั้นใจตายงั้นหรือ?

                เห็นท่านพูดอยู่คำเดียว "ผมไม่รู้..." จริงหรือ ที่ท่านไม่รู้ ในขณะที่ชาวบ้านเขารู้และได้ยินเรื่องทุเรศจากคนในพรรคท่านทุกวัน จนอยากอ้วกใส่

                หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิกหรอก

                การเมืองน้ำเน่าที่ผ่านมา มี "จิ๋ว หวานเจี๊ยบ" ใครมาบีบขา-บีบไข่ ขออะไรได้ทุกคน มีอย่างนั้น คนเดียวก็เกินพอแล้ว

                อย่าต้องให้มี "ป้อม หวานจ๋อย" ในยุคประเทศเปลี่ยนถ่ายจากน้ำเน่าเป็นน้ำใสในปัจจุบันนี้อีกคนเลย

                พูดก็พูดกันตรงๆ........

                ผมมองดูงานรัฐบาลที่เป็นเนื้อ-เป็นหนังออกมา คนที่ทำงานเป็นลูกมือนายกฯ ชนิดไม่เอาหน้า-ไม่เอาชื่อ มุ่งผลักดันงานออกมา

                ก็มีทั้งรองนายกฯ สมคิด รัฐมนตรีคลังอุตตม รัฐมนตรีสนธิรัตน์ รัฐมนตรีสุวิทย์ กระทั่งคุณกอบศักดิ์ ที่เป็นทองในก้นพระ

                แล้วทำไม ลุงป้อมจึงปล่อยให้คนในพรรคอาศัยยุค "ขยะข่าว" เฟื่องฟูในระบบออนไลน์ ออกข่าวทำร้าย-ทำลายกันเองทุกวี่-ทุกวัน 

                ผมสงสารนายกฯ บอกตรงๆ!

                เหนื่อยกาย ไม่เท่าร้าวรานใจ นั่นก็พี่..นี่พรรค..นั่นก็น้องๆ มองหน้า-มองตา จะโกรธขึ้งหรือฆ่ากันไม่ลงหรอก

                "ลุงป้อม" เป็นทั้งพี่ใหญ่และผู้ใหญ่ อย่าให้น้องช้ำใจ เพราะใหญ่นั้น....

            ใหญ่แบบ "หน้าเนื้อ-ใจเสือ" เลย!. 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"