19 พ.ค.63-นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome หัวข้อครบรอบทศวรรษ วันสลายการชุมนุมพี่น้องเสื้อแดง โดยระบุรายละเอียดว่าวันนี้เป็นวันครบรอบทศวรรษ (10 ปี) ของเหตุการณ์ล้อมสังหารโหดผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เหตุการณ์นี้คือเหตุการณ์ความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และเรียกร้องให้ยุบสภา ซึ่งถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริง รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้พลิกมาเป็นรัฐบาลจากการที่มีกองทัพหนุนหลังพร้อมด้วย "งูเห่า" จากขั้วการเมืองของคุณเนวิน ชิดชอบ พร้อมคำครหาว่าจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
จนถึงในวันนี้ ยังมีข้อถกเถียงทั้งจากฝ่ายสนับสนุนผู้ชุมนุมและฝ่ายต่อต้าน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในเหตุการณ์และการกล่าวหา ตลอดจนการสาดโคลน ใส่ร้ายป้ายสี
แต่สำหรับผมแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ได้สะท้อนความคลุมเครือหลายอย่างในสังคมไทย และสิ่งที่ควรต้องสร้างความกระจ่างชัดให้กับประชาชนต่อเหตุการณ์นี้คือ
1. คนสั่งฆ่าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยังลอยนวล และยังคงลอยหน้าลอยตาได้ตามปกติ สะท้อนว่า ประเทศไทยเรายังมีข้ออ้างให้คนที่มีอำนาจนอกระบบหนุนหลัง สามารถใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้อย่างไม่ต้องมีความรับผิดชอบตามมา ตอกย้ำวาทกรรมอภิสิทธิ์ชนลอยนวลพ้นผิด เราลองคิดดูสิครับ กี่สิบปีมาแล้วที่ผู้คนเหล่านี้ต่างก็มีอำนาจอย่างมากในการใช้ความรุนแรง ถ้าหากไม่มีใครเคยต้องรับผิดชอบเช่นนี้ ในอนาคตสิทธิในการชุมนุมที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตยอาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจากต้นทุนของชาวบ้านในการชุมนุมกับต้นทุนของผู้มีอำนาจในการสั่งสลายการชุมนุมมีความต่างกันมากเกินไป เมื่อนั้นประชาชนที่เดือดร้อนก็จะไม่มีทางได้รับการเหลียวแลจากรัฐ
2. การทำ Big Cleaning Day หลังเหตุการณ์คือการลบหลักฐานและตัดตอนกระบวนการค้นหาความจริง ร่องรอยของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ถูกล้างไปด้วยความปรารถนาดีที่ผิดที่ผิดเวลา เพราะมันเป็นการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งทำให้กระบวนการค้นหาความจริงพร่าเลือนเรื่อยมา
3. วาทกรรมชายชุดดำและการเผาเมือง การสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไม่ได้กระจ่างชัดจนสามารถสรุปได้ว่ามีชายชุดดำ ออกมาต่อสู้กับกองกำลังทหาร แม้ว่าจะมีคำพิพากษาในหลายคดีว่าผู้เสียชีวิตถูกยิงจากฝ่ายเจ้าหน้าที่โดยปราศจากอาวุธในมือ กล่าวคือไม่มีชายชุดดำสักคนเดียวถูกเจ้าหน้าที่ยิง แต่ชายชุดดำยังคงเป็นวาทกรรมที่ถูกผลิตออกมาลดทอนความชอบธรรมอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการเผาเมืองก็ยังมีกรณีอย่างคดีเซ็นทรัลเวิลด์ที่ถูกใช้เป็นประเด็นการเมืองอยู่ตลอดแม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมาแล้วว่าไฟไม่ได้ไหม้เพราะจำเลยที่ถูกฟ้องในคดีนี้
4. อันที่จริงรัฐบาลอภิสิทธิ์ยังมีอำนาจเต็มหลังเหตุการณ์อีกอย่างน้อย 1 ปี ถ้าฝ่ายผู้ชุมนุมมีการติดอาวุธ มีกองกำลังของตัวเองอย่างเป็นระบบจริง ทำไมรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงในขณะนั้นถึงไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้
5. เหตุการณ์การชุมนุมเมื่อปี 2553 มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 94 คน บาดเจ็บอีกราว 2,100 คน แน่นอนว่าในจำนวนนี้มีทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ น่าแปลกไหมครับที่ผู้ที่ลั่นไกยิง ผู้ที่สั่งการ ยังไม่มีใครต้องรับผิดชอบใด ๆ เลย
บ้านเมืองจำเป็นต้องเดินหน้าไปสู่การสร้างอนาคตร่วมกันให้ได้ แต่ถ้าเราปล่อยให้บางเหตุการณ์ผ่านเลยไปอย่างคลุมเครือ โดยที่ความจริงยังไม่ปรากฎ ผมคิดว่ามันไม่เป็นธรรมต่อผู้สูญเสีย บ้านเมืองที่จะเดินไปข้างหน้านั้นย่อมไม่มั่นคง เพราะมันได้กดทับเอาปัญหาใหญ่เอาไว้ การที่ยุคสมัยใดก็ตามผู้มีอำนาจรัฐสั่งฆ่าประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น บ้านเมืองนั้นย่อมเดินหน้าไปสู่ความดิบเถื่อน
ผมขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมตามหาความจริงครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |