'แอมเนสตี้'มาแล้ว!ถล่มยับ10ปีความยุติธรรมไม่เกิด ไร้การเยียวยาเสื้อแดง แต่ความจริง'ยิ่งลักษณ์'แจกหัวละ7.75ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

19 พ.ค.63- แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแลออกแถลงการณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี พฤษภา 53 เหตุการณ์ปราบปรามที่ร้ายแรงสุดครั้งหนึ่งของรัฐบาลในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยระบุว่านอกจากการดำเนินคดีอาญากับแกนนำและผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนแล้ว ความยุติธรรมยังคงไม่เกิดขึ้น ไม่มีการเปิดเผยความจริง และไม่มีการเยียวยาต่อครอบครัวของผู้ที่ถูกสังหารในระหว่างความรุนแรงครั้งนั้น รัฐบาลไทยต้องนำตัวผู้ที่คาดว่ามีส่วนรับผิดชอบทางอาญาต่ออาชญากรรมระหว่างการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 มาลงโทษ

ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทางการไทยเริ่มปฏิบัติการทางทหารครั้งสุดท้าย เพื่อสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงหลายพันคน หลังการประท้วงติดต่อกันหลายเดือนในกรุงเทพฯ ซึ่งบางครั้งเกิดความรุนแรงขึ้น และมีการโจมตีทำร้ายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ระหว่างวันที่ 10 เมษายน ถึง 19 พฤษภาคม การเผชิญหน้าที่รุนแรงหลายครั้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 94 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1,283 คน โดยในบรรดาผู้เสียชีวิตประกอบด้วยผู้ประท้วง นักข่าว ผู้ที่ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมายังไม่มีการพิสูจน์ถึงสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตบางหลาย ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของวันสุดท้ายในการปราบปรามที่รุนแรง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องทางการไทยให้นำตัวผู้มีส่วนรับผิดชอบทางอาญาทั้งหมดมาลงโทษทันที ตามกระบวนการที่เป็นธรรมของศาลพลเรือน และให้การเยียวยาอย่างเป็นผลต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต 

ภายหลังเหตุความรุนแรง รัฐบาลประกาศในวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 ว่าจะมี “การสอบสวนอย่างเป็นอิสระต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างการประท้วง” “ในลักษณะที่โปร่งใส” แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล ผู้บัญชาการทหาร หรือเจ้าหน้าที่ทหารรายใดที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการครั้งนั้นถูกดำเนินคดี ในขณะที่ได้มีการดำเนินคดีอาญากับแกนนำและผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนแล้ว แอมเนสตี้ระบุว่าเมื่อมีการละเมิดและปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชน ผู้ที่คาดว่ามีส่วนรับผิดชอบทางอาญาทั้งหมดต้องถูกนำมาลงโทษตามการพิจารณาที่เป็นธรรมของศาลพลเรือน หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน การลงโทษทางวินัยหรือตามมาตรการของฝ่ายบริหารอาจไม่เพียงพอ และไม่สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเน้นย้ำว่า การขาดความยุติธรรม ความจริง และการเยียวยาจากรัฐบาลสำหรับผู้ที่ถูกสังหารและทำร้ายระหว่างการชุมนุมในปี 2553 เน้นให้เห็นปัญหาการลอยนวลพ้นผิดจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ยังเกิดขึ้นต่อไป รวมทั้งรัฐบาลเพิกเฉยต่อกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมและการใช้กำลัง เหตุที่ทางการไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากการละเมิดเหล่านี้ได้ ทำให้เกิดบรรยากาศความหวาดกลัวโดยทั่วไป และเปิดโอกาสให้มีการปฏิบัติมิชอบและการละเมิดเช่นนี้อีก โดยผู้กระทำไม่ต้องถูกลงโทษ ทางการไทยต้องดำเนินคดีทางอาญาโดยทันทีต่อเจ้าหน้าที่ทั้งในปัจจุบันและอดีต และบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบ รวมทั้งผู้ทำหน้าที่สั่งการ โดยต้องรับประกันว่าจะมีการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม ทั้งยังต้องจัดให้มีการเยียวยาอย่างเต็มที่ต่อญาติของผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างสอดคล้องตามกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตามแถลงการณ์ของแอมเนสตี้ กลับไม่พูดถึงกรณีที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการทุบสถิติงบเยียวยาเหยื่อทางการเมืองกว่า 2,000 ล้านบาท ผู้ที่ได้รับชดเชยในอัตราสูงสุดคือกรณีที่เสียชีวิต ได้ถึงรายละ 7.75 ล้านบาท โดยแยกเป็นค่าชดเชยการเสียชีวิต 4.5 ล้านบาท ค่าทำศพ 2.5 แสนบาท และค่าเยียวยาจิตใจสำหรับญาติผู้เสียชีวิตอีก 3 ล้านบาท.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"