อุกอาจ 2 คนร้ายสวมหมวกกันน็อกควงปืนชิงเงินสด 1 ล้านจากสาวพนักงานบัญชีสหกรณ์การเกษตรเชียงแสน หน้าธนาคารกรุงเทพ เคาะกระจกรถกระชากกระเป๋าไปจากมือ ก่อนซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจระดมกำลังไล่ล่า

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ต.อ.ศตศักดิ์ พิมลทิพย์ ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์จำนวนมากบริเวณด้านหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาเชียงแสน บนถนนหมายเลข 1016 เทศบาล ต.เวียงเชียงแสน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งออกไปตรวจสอบ
    ที่เกิดเหตุเป็นธนาคารตั้งอยู่บนถนนสายหลักติดกับที่ทำการด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงแสน และตลาดสดเชียงแสน รวมทั้งห่างจาก สภ.เชียงแสน ประมาณ 500 เมตร โดยเจ้าหน้าที่พบผู้เสียหายชื่อว่า นางวัชรินทร์ บรรจงเลขา อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 209 หมู่ 12 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน เป็นเจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรเชียงแสน จำกัด พร้อมคนขับรถยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าธนาคารด้วยความตื่นตระหนก พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ของสหกรณ์ ทะเบียน กต 582 จ.เชียงราย ที่จอดรออยู่ด้านหน้าธนาคารดังกล่าว
    จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางวัชรินทร์และคนขับรถได้พากันเดินทางไปยังธนาคารกรุงเทพ สาขาเชียงแสน เพื่อเบิกเงินสดไปใช้ซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ โดยหลังจากเดินทางเข้าไปในธนาคารคนเดียวแล้วได้นำเงินสดใส่กระเป๋าจำนวน 1,050,000 บาท แต่ขณะที่กำลังนำรถจอดอยู่ด้านหน้าธนาคารได้มีคนร้ายคนหนึ่งได้เดินเข้าไปเทียบรถและเคาะกระจก ซึ่งคนในรถคิดว่าเป็นคนรู้จักกัน จึงได้เปิดประตูสอบถามว่าต้องการสิ่งใด ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวได้แสดงตัวเป็นคนร้ายกระชากเอากระเป๋าเงินภายในรถ โดยที่คนในรถก็พยายามจะยื้อแย่งเอาไว้ แต่คนร้ายได้ใช้ปืนพกสั้นจ่อจะยิงทำให้ต้องปล่อยกระเป๋าไป จากนั้นคนร้ายได้วิ่งไปหาเพื่อนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์รออยู่แล้วหลบหนีไป
    เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และประกอบการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่าคนร้ายมีอยู่ด้วยกัน 2 คน โดยสวมใส่เสื้อและกางเกงขายาวรวมทั้งสวมใส่หมวกนิรภัยหรือหมวกกันน็อกชนิดคลุมศีรษะเพื่อปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิด รูปพรรณสัณฐานคนที่เข้าไปกระชากกระเป๋าจะสูงและผอม ส่วนคนขี่รูปร่างเตี้ยกว่าเล็กน้อย โดยหลังก่อเหตุได้พากันขับขี่รถจักรยานยนต์และซ้อนท้ายหลบหนีไปทางประตูเมืองเชียงแสนฝั่งทิศใต้ หรือออกจากนอกเขตเมืองประวัติศาสตร์เชียงแสนไป
    เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายได้เฝ้าติดตามเส้นทางการเงินของสหกรณ์เพื่อจะก่อเหตุดังกล่าวมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ออกสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.