ประชาชนแห่ต่อแถวแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนรัชกาลที่ 10 วันแรกคึกคัก “ธนารักษ์” เตรียม 75 ล้านเหรียญรองรับ พร้อมจัดเรียงชุดจำหน่ายในแพ็กเกจพิเศษ 3 รูปแบบ ขายหลังสงกรานต์ ด้านบรรยากาศการแลกธนบัตรก็คึกคักไม่แพ้กัน

    เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2561 ที่กรมธนารักษ์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดให้ประชาชนจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ในวันแรก พบว่ามีประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางเข้ามาแลกเหรียญกษาปณ์ดังกล่าว ซึ่งกรมธนารักษ์ได้เตรียมสำรองเหรียญวันแรกไว้เปิดจ่ายแลกให้ประชาชนตั้งแต่ 08.30 น. โดยมีท้ายแถวยาวเกือบ 200 เมตร
    ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้แลกเหรียญเป็นคนแรกคือ นางปวีณา เรืองศรี อายุ 64 ปี เดินทางมาจากแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี เดินทางมาตั้งแต่ตี 4 นั่งรถโดยสารประจำทางจากบ้านมาลงสะพานควาย และปั่นจักรยานต่อพร้อมเพื่อนมาที่กรมธนารักษ์ โดยตั้งใจจะแลกไปสะสม เนื่องจากเป็นเหรียญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ล็อตแรก
    นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า วันนี้ (6 เม.ย.) ได้เตรียมจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนแบบแบ่งเป็นชุด จำกัดคนละ 1 ชุด รวมเงินที่จ่ายแลก 1,005 บาท เป็นเหรียญชนิดราคา 10 บาท 40 เหรียญ, 5 บาท 40 เหรียญ, 2 บาท 100 เหรียญ, 1 บาท 100 เหรียญ, 50 สตางค์ 200 เหรียญ และ 25 สตางค์ 20 เหรียญ หรือประชาชนที่จะแลกเพียงบางส่วนก็สามารถจ่ายแลกได้ ส่วนเหรียญ 1 สตางค์ 5 สตางค์ และ 10 สตางค์ ไม่เปิดจ่ายแลก เนื่องจากไม่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเพื่อใช้ให้ทางบัญชีและผลิตภัณฑ์เหรียญเท่านั้น 
    “หน่วยนี้เตรียมไว้ 2,600 ชุด และทั้งประเทศมีให้แลกรวม 75 ล้านเหรียญ มูลค่ารวม 211 ล้านบาท โดยจะเปิดจ่ายแลกในกรุงเทพฯ 3 จุด ต่างจังหวัด 6 จุด และในวันที่ 9 เม.ย.นี้เป็นต้นไปจะเปิดให้ประชาชนได้จ่ายแลกตามจำนวนปกติ” นายพชร กล่าว
    ทั้งนี้ จากความต้องการเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนของประชาชนที่มีเพิ่มขึ้น ปีนี้กรมธนารักษ์จะมีการผลิตเหรียญเต็มกำลังการผลิต 1,300 ล้านเหรียญ  และจะมีการนำเข้าเหรียญที่สั่งผลิตจากประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนีอีก 1,000 ล้านเหรียญ ยืนยันว่าจะเพียงพอต่อความต้องการ แม้ประชาชนบางส่วนจะมีการสะสมเก็บเหรียญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ไม่ได้นำออกมาใช้ก็ตาม
    นอกจากนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างการนำเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนรัชกาลที่ 10 ทั้ง 9 ชนิด ตั้งแต่เหรียญ 10 บาท, 5 บาท, 2 บาท, 1 บาท, เหรียญ 50 สตางค์, 25 สตางค์ รวมถึงเหรียญ 10 สตางค์, 5 สตางค์ และ 1 สตางค์ ซึ่งไม่มีจ่ายแลกเป็นการทั่วไป นำมาจัดเรียงชุดจำหน่ายในแพ็กเกจพิเศษ 3 รูปแบบ ทั้งแบบใส่ซองใส ราคาชุดละ 129 บาท, ชุดตั้งโชว์อะคริลิก ราคาชุดละ 499 บาท และชุดกล่องผ้าไหมบุกำมะหยี่ ราคา 1,299 บาท ซึ่งจะวางจำหน่ายได้หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์
    ด้านบรรยากาศการจ่ายแลกธนบัตรแบบ 17 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันแรก (6 เม.ย.) พบว่า มีประชาชนทยอยมาแลกธนบัตรตามสถาบันการเงินที่เปิดให้บริการในวันหยุด และถอนผ่านตู้เอทีเอ็มอย่างต่อเนื่อง และเพียงพอตามปกติ โดยบรรยากาศภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
    ส่วนการกระจายธนบัตรใหม่ที่ยังไม่มีในบางสาขาของสถาบันการเงินและตู้เอทีเอ็มบางแห่งนั้นเนื่องจากเป็นวันแรกและเป็นวันหยุด โดยธนบัตรใหม่ที่ออกจะใช้หมุนเวียนร่วมกับธนบัตรใหม่แบบเดิมด้วย และจะค่อยๆ ทยอยออกมาตามช่องทางต่างๆ ตามกระบวนการบริหารและกระจายธนบัตรใหม่ของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง และ ธปท.ได้จัดส่งธนบัตรแบบใหม่ให้สถาบันการเงินทุกแห่งผ่านศูนย์จัดการธนบัตรที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไปล่วงหน้าแล้ว
    ทั้งนี้ ธนบัตรทุกแบบที่ออกใช้ก่อนหน้านี้ยังสามารถใช้ได้ตามปกติโดยไม่มีการยกเลิก
    สำหรับบรรยากาศในภูมิภาคนั้น ที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ขอนแก่น ถ.มิตรภาพ ต.เมืองเก่า อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น มีประชาชนจำนวนมากมายืนรอต่อคิวเพื่อแลกเหรียญกษาปณ์ 
    นายอิชวุฒิ ฤทธาภัย ธนารักษ์พื้นที่ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เป็นการแจกจ่ายในกลุ่มรายย่อย ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวขอนแก่นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องจำกัดการแลกที่คนละชุด ชุดละ 1,000 บาท เพื่อให้กระจายอย่างทั่วถึง ซึ่งเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่นี้นั้นสามารถใช้งานได้แล้ว และในขณะนี้ยังคงไม่มีการยกเลิกเหรียญกษาปณ์รุ่นเก่าแต่อย่างใด 
    นายอิชวุฒิกล่าวต่ออีกว่า  สำหรับเหรียญ 25 สตางค์ จะเปิดทำการแลกได้ในวันที่ 11 เม.ย.ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการแลกเหรียญชุดใหม่ไว้เป็นที่ระลึก ทำให้มีความต้องการอย่างมากในระยะนี้ ดังนั้นการกำหนดให้สามารถแลกได้ 1 คนต่อ 1 ชุดนั้น จะเป็นการกระจายเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย.