โหดจัด รัฐบาลกาตาร์เริ่มบังคับใช้กฎใหม่เมื่อวันอาทิตย์ กำหนดบทลงโทษจำคุกถึง 3 ปี หากไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หลังจากอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาของกาตาร์สูงที่สุดชาติหนึ่งในโลก

ผู้คนสวมหน้ากากอนามัยขณะรอใช้บริการที่กรุงโดฮา เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งกาตาร์เริ่มบังคับให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ

    ประเทศเล็กๆ ในภูมิภาคอ่าวอาหรับแห่งนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว 30,972 คน หรือราว 1.1% ของประชากร 2.75 ล้านคน แต่มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพียง 15 คน รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งยุโรป มีเพียงซานมาริโนและนครรัฐวาติกันที่มีอัตราการติดเชื้อต่อประชากรสูงกว่ากาตาร์

    กฎข้อบังคับใหม่ที่กาตาร์เริ่มบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎการสวมหน้ากากในที่สาธารณะไว้สูงสุดจำคุก 3 ปี และปรับถึง 55,000 ดอลลาร์ (ราว 1.76 ล้านบาท) ซึ่งนับว่าเป็นโทษหนักที่สุดในโลก

    ผู้ที่ขับรถยนต์โดยลำพังได้รับการยกเว้นจากกฎนี้ แต่ชาวต่างชาติที่พำนักในกาตาร์หลายคนเผยกับเอเอฟพีว่า พวกเขาถูกตำรวจเรียกหยุดรถที่ด่านตรวจเพื่อเตือนเกี่ยวกับกฎข้อบังคับใหม่

    รายงานกล่าวว่า ปัจจุบันมีประมาณ 50 ประเทศที่บังคับประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย ถึงแม้นักวิทยาศาสตร์ยังเห็นไม่ตรงกันเรื่องประสิทธิผลในการป้องกันการแพร่เชื้อ

    ประเทศชาดในทวีปแอฟริกา ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากในที่สาธารณะมีโทษจำคุก 15 วัน ส่วนโมร็อกโกมีบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับลักษณะคล้ายกัน โดยจำคุก 3 เดือน และปรับไม่เกิน 1,300 ดีร์ฮาม (ราว 4,200 บาท).