นายกฯ นาจิบ ราซัค ของมาเลเซียประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันเสาร์ เตรียมจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยคาดว่าน่าจะเป็นภายในเดือนพฤษภาคม ขณะฝ่ายค้านยังลูกผีลูกคน แม้อดีตนายกฯ มหาเธร์ โมฮัมหมัด จะลงสู้ศึกในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ก็ตาม

จอโทรทัศน์ภายในศูนย์การค้าแพร่ภาพนายกฯ นาจิบ ราซัค ประกาศยุบสภาเมื่อวันศุกร์ / AFP

    นายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งเผชิญเรื่องอื้อฉาวทางการเงินที่ฉาวโฉ่ระดับโลก ประกาศยุบสภาภายหลังกล่าวสุนทรพจน์ร่ายความสำเร็จของรัฐบาลผสมบาริซันเนชันแนล (บีเอ็น) ของเขา ผ่านทางโทรทัศน์ยาวนาน 25 นาทีเมื่อวันศุกร์ที่ 6 เมษายน 2561 โดยกำหนดว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันจะพ้นสภาพในวันเสาร์ที่ 7 เมษายน เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด

    รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ภายหลังการยุบสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการการเลือกตั้งก็จะประกาศภายในไม่กี่วันข้างหน้าถึงกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

    รัฐบาลผสมบีเอ็น ซึ่งพรรคองค์การสหมาเลย์ (อัมโน) ของนาจิบเป็นแกนนำ ครองอำนาจบริหารประเทศนี้มานับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี พ.ศ.2500 ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันศุกร์ นาจิบกล่าวว่า รัฐบาลของเขาได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนมาโดยตลอดและจะทำเช่นนี้ต่อไป เขาจึงต้องการอาณัติจากประชาชนเพื่อให้บีเอ็นได้ปกครองประเทศต่อไปอีก 5 ปี

    อย่างไรก็ดี ความนิยมต่อรัฐบาลของนาจิบเสื่อมถอยลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวโยงถึงการทุจริตยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ วันเอ็มดีบี ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก ยิ่งซ้ำเติมปัญหาของรัฐบาล ทั้งตัวนาจิบ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเงินมหาศาลจากกองทุนนี้ถูกโยกย้ายเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา และวันเอ็มดีบี ต่างปฏิเสธคำกล่าวหา

    ปัญหาท้าทายอีกอย่างหนึ่งของนาจิบ ในวัย 64 ปี คือการกลับคืนสู่เวทีการเมืองของมหาเธร์ อดีตนายกฯ วัย 92 ปี ซึ่งเป็นหัวขบวนที่ออกมาโจมตีนาจิบเรื่องนี้และเรียกร้องให้เขาลาออก มหาเธร์ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้าน "ข้อตกลงแห่งความหวัง" ซึ่งเต็มไปด้วยพรรคฝ่ายค้านที่ตัวเขาเคยกดขี่ไว้ในช่วง 22 ปีที่ครองอำนาจ

แฟ้มภาพ มหาเธร์ โมฮัมหมัด แถลงข่าวพร้อมสมาชิกพรรคฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2559 / AFP

    ฝ่ายค้านคาดหวังว่า มหาเธร์จะชนะใจคนเชื้อสายมาเลย์ที่เลิกงมงายกับรัฐบาลผสมบีเอ็น แล้วดึงเสียงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเหล่านี้มาเสริมเติมฐานเสียงของฝ่ายค้านที่ เป็นกลุ่มคนเมืองและชนส่วนน้อยอื่นๆ โดยเฉพาะคนเชื้อสายจีน แต่ยังมีคำถามว่ามหาเธร์จะสามารถดึงคะแนนสนับสนุนจากผู้คนในชนบทได้หรือไม่ ขณะที่อันวาร์ อิบราฮิม อดีตผู้นำฝ่ายค้านที่เคยท้าทายนาจิบได้อย่างน่ากลัวในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ยังคงติดคุกในคดีรักร่วมเพศที่เขาปฏิเสธว่าเป็นคดีการเมือง

    นโยบายของพรรคอัมโนให้ความสำคัญกับการเอื้อประโยชน์แก่ชาวมุสลิมมาเลย์ที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของมาเลเซีย แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2556 รัฐบาลบีเอ็นพ่ายแพ้คะแนนดิบจากประชาชนรวมทั้งประเทศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ผู้มีสิทธิลงคะแนนเริ่มตาสว่างมากขึ้นต่อปัญหาอื้อฉาวคอร์รัปชัน, การเมืองที่สร้างความแตกแยกทางเชื้อชาติ และปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น

    กระนั้น นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า นาจิบจะยังคงชนะการเลือกตั้งได้ครองอำนาจต่อไปอีก 5 ปี หลังจากจัดการกับคนภายในรัฐบาลที่วิจารณ์เขา และปราบปรามฝ่ายค้านที่ทำให้หลายคนโดนจับกุม รัฐบาลบีเอ็นยังได้กำหนดเขตเลือกตั้งใหม่ ที่นักวิจารณ์กล่าวกันว่าเอื้อให้นาจิบชนะเลือกตั้ง.