องค์การอนามัยโลกมีคำเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า การพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคตามท้องถนน เหมือนที่นิยมทำกันในบางประเทศ ไม่ได้ช่วยกำจัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ด้วย

แฟ้มภาพ ชายชาวเอกวาดอร์จูงสุนัขเดินเล่นหยุดให้เจ้าหน้าที่พ่นยาฆ่าเชื้อโรคบนทางเท้าในกรุงกีโต

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคมว่า เอกสารว่าด้วยการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวที่เป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ กล่าวว่า การพ่นฆ่าเชื้อโรคอาจไม่มีประสิทธิผล

    "การพ่นหรือการการรมฆ่าเชื้อสถานที่กลางแจ้ง เช่นถนนหรือตลาด ไม่ได้รับรองว่าสามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือเชื้อโรคอื่นๆ เพราะสารฆ่าเชื้อโรคอาจหมดฤทธิ์ลงเพราะฝุ่นและเศษขยะ" ดับเบิลยูเอชโออธิบาย "แม้ในกรณีที่ไม่มีสารอินทรีย์ การฉีดพ่นสารเคมีก็ไม่น่าจะปกคลุมพื้นผิวทั้งหมดได้อย่างเพียงพอในช่วงเวลาต้องใช้เพื่อการทำให้เชื้อโรคตาย"

    ดับเบิลยูเอชโอกล่าวว่า ท้องถนนและทางเท้าไม่ถือเป็น "แหล่งรวมของการติดเชื้อ" โควิด-19 และการพ่นฆ่าเชื้อ แม้แต่ภายนอก ก็อาจเป็น "อันตรายต่อสุขภาพมนุษย์"

    เอกสารยังย้ำด้วยว่า การพ่นสเปรย์ที่ตัวบุคคลเพื่อฆ่าเชื้อโรคเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำไม่ว่าในสภาพการณ์ใด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ และไม่ช่วยลดความสามารถของผู้ที่ติดเชื้อในการแพร่เชื้อไวรัสผ่านละอองฝอยหรือการสัมผัส

    การฉีดพ่นคลอรีนหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายอื่นๆ ต่อผู้คน อาจทำให้ระคายเคืองตาและผิวหนัง, หลอดลมหดเกร็ง และส่งผลต่อทางเดินอาหารได้

    ดับเบิลยูเอชโอยังไม่เห็นด้วยกับการพ่นและรมฆ่าเชื้อโรคอย่างเป็นระบบบนพื้นผิวภายในที่ร่ม โดยแนะนำว่าถ้าต้องฆ่าเชื้อโรค ควรทำด้วยการเช็ดถูหรือใช้ผ้าที่ชุ่มด้วยยาฆ่าเชื้อ

    อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ข้อมูลแน่ชัดว่าไวรัสโควิด-19 สามารถอยู่รอดบนพื้นผิวได้นานเท่าใดจึงหมดฤทธิ์ โดยมีการศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ว่าไวรัสอยู่รอดได้บนพื้นผิวหลายชนิดนานหลายวัน แต่ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเป็นในแง่ทฤษฎีเท่านั้น เนื่องจากการทดลองกระทำในห้องแล็บและควรถูกตีความอย่างระมัดระวังในสภาพแวดล้อมที่เป็นของจริง.