บีโอไอกระตุ้นลงทุนไทยสู้ภัยโควิด


เพิ่มเพื่อน    

"บีโอไอได้ออกมาตรการรับมือผลกระทบโควิด-19 รวมถึงสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไปพร้อมๆ กันด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแพทย์ที่ปัจจุบันเป็นที่ต้องการมากที่สุด โดยได้ออกมาตรการเร่งรัดการลงทุนให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 3 ปี จากเดิมจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3-8 ปีอยู่แล้ว เช่น การผลิตเครื่องมือแพทย์หรือชิ้นส่วน วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น หน้ากากอนามัย"


    หลังจากที่โลกและประเทศไทยถูกโจมตีอย่างหนักจากไวรัสตัวร้าย หรือโควิด-19 ที่คร่าชีวิตคนไปมากมาย รวมถึงสร้างสถิติใหม่ๆ ให้กับตัวเลขภาคเศรษฐกิจที่ทยอยติดลบกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายประเทศก็ได้ออกมาตรการทั้งเยียวยา พัฒนา อุดหนุน ดูแลทั้งในส่วนของประชาชนเองในการใช้ชีวิต รวมถึงผู้ประกอบการที่โดนผลกระทบเมื่อธุรกิจไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
    ขณะเดียวกัน การลงทุนในช่วงนี้ที่เคยเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศก็มีการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เพราะนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นของไทยเองหรือต่างประเทศก็มีทีท่าที่จะรอความชัดเจนของการแพร่กระจายเชื้อไวรัสครั้งนี้ว่าจะไปจบที่ตรงไหน และเมื่อไหร่ จึงเป็นเหตุผลที่การลงทุนใหม่ๆ ในปัจจุบันยังไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยงเอาเงินมาทุ่มในตอนนี้
    ดังนั้นเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ซึ่งเป็นแม่เหล็กตัวหลักของการกระตุ้นการลงทุนในประเทศเสมอมา เนื่องจากบีโอไอมีสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งการยกเว้นภาษี หรือการยกเว้นอัตราการนำเข้า และให้สิทธิคนทำงาน หรือแรงงานต่างชาติ เป็นต้น
    "บีโอไอได้ออกมาตรการที่รับมือผลกระทบโควิด-19 รวมถึงสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไปพร้อมๆ กันด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแพทย์ที่ปัจจุบันเป็นที่ต้องการมากที่สุด โดยได้ออกมาตรการเร่งรัดการลงทุนให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 3 ปี จากเดิมจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3-8 ปีอยู่แล้ว เช่น การผลิตเครื่องมือแพทย์หรือชิ้นส่วน วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น หน้ากากอนามัย"
    รวมถึง Non-Woven Fabric ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ชุดตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ยาและสารออกฤทธิ์สำคัญในยา และกิจการในกลุ่มไบโอเทคโนโลยี เป็นต้น โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมถึงโครงการที่ยื่นคำขอรับการส่งเสริมระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2563 และต้องเริ่มผลิตและมีรายได้ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2563 ทั้งนี้กำหนดว่าต้องจำหน่ายและหรือบริจาคภายในประเทศอย่างน้อย 50% ของปริมาณที่ผลิตได้ในปี 2563-2564
    รวมถึงมาตรการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนสายการผลิตเดิมเพื่อผลิตเครื่องมือแพทย์หรือชิ้นส่วน รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ สำหรับผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนอยู่แล้ว สามารถขอปรับเปลี่ยนสายการผลิตที่มีอยู่เดิม เพื่อใช้ในการผลิตเครื่องมือแพทย์หรือชิ้นส่วนได้ รวมทั้งกรณีที่จำเป็นต้องลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม แม้โครงการจะหมดระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรแล้ว โดยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร แต่ต้องนำเข้าเครื่องจักรภายในปี 2563 และยื่นขอแก้ไขโครงการภายในเดือน ก.ย.2563
    และการปรับสิทธิประโยชน์สำหรับกิจการผลิตวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต้นน้ำและกลางน้ำในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ จึงเพิ่มเติมขอบข่ายประเภทกิจการผลิตเชื้อเพลิงจากผลผลิตการเกษตรให้ครอบคลุมถึงการผลิตแอลกอฮอล์ทางการแพทย์ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ให้กิจการผลิต Non-Woven Fabric ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์การแพทย์ จากเดิมยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี เป็น 5 ปี
    ขณะเดียวกันยังได้ออกมาตรการผ่อนปรนเพื่อบรรเทาผลกระทบสำหรับผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนอีกด้วย โดย 1.การขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรและเปิดดำเนินการสำหรับโครงการที่ได้รับการส่งเสริมตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต กรณีโครงการที่ครบกำหนดระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรและเปิดดำเนินการระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2563 ให้สามารถยื่นขอขยายเวลาดังกล่าวออกไปได้อีก 6 เดือนนับจากวันครบกำหนด
    2.การผ่อนผันการเปิดดำเนินการล่าช้า กรณีโครงการที่ครบกำหนดเปิดดำเนินการระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-30 มิ.ย.2563 ผ่อนผันให้สามารถยื่นขออนุญาตเปิดดำเนินการภายในเวลา 6 เดือนนับจากวันครบกำหนดเช่นเดียวกัน โดยสำนักงานจะไม่นำเงื่อนไขการเปิดดำเนินการมาประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ใช้สิทธิและประโยชน์ด้านช่างฝีมือ การใช้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และการขยายเวลายกเว้นอากรขาเข้า
    3.การขยายเวลาการดำเนินการให้ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น ISO 9002, CMMI หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า สำหรับโครงการที่ครบกำหนดการดำเนินการระหว่างวันที่ 1 มี.ค.-30 มิ.ย.2563 ให้ขยายเวลาออกไปอีก 4 เดือน นับจากวันครบกำหนด และ 4.การผ่อนผันการขออนุญาตหยุดดำเนินกิจการชั่วคราวเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 เดือน โดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตจากสำนักงาน เพียงแต่แจ้งให้ทราบผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น
    และล่าสุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 3/2563 เรื่อง มาตรการกระตุ้นการลงทุน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว สำหรับเนื้อหาของประกาศดังกล่าวระบุไว้ดังนี้ 1.ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 4/2562 ลงวันที่ 28 ต.ค.2562 เรื่อง มาตรการเร่งรัดการลงทุน
    2.กำหนดให้พื้นที่ทุกจังหวัดเป็นเขตส่งเสริมการลงทุน 3.เงื่อนไข 3.1 ต้องเป็นกิจการในกลุ่ม A1 A2 และ A3 ยกเว้นกิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการ เช่น กิจการขนส่งทางอากาศ กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น และประเภทกิจการ 2.17, 6.15, 6.16, 6.17 และ 7.24 ที่ตั้งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
    3.2 ต้องเป็นโครงการที่ได้รับสิทธิและประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ รวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี 3.3 ต้องมีเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ดังนี้ (1) ต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.-30 ธ.ค.2563 หรือ (2) ต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.2563-30 ธ.ค.2564 3.4 จะไม่อนุญาตให้ขยายเวลาการนำเข้าเครื่องจักร ทั้งนี้จะพิจารณาขยายเวลาเปิดดำเนินการตามความเหมาะสม
    4.กำหนดให้โครงการที่ดำเนินการตามเงื่อนไขในข้อ 3 ได้รับสิทธิและประโยชน์การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กำหนดระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง 5. ประกาศฉบับนี้ใช้กับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2562 ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2563 และ 6 การขอรับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนฉบับนี้ จะต้องยื่นหลักฐานการลงทุนจริงตามแบบที่สำนักงานกำหนดภายในวันทำการสุดท้ายของเดือน มิ.ย.2565
    โดยการออกมาตรการทั้งหมดนั้นก็เชื่อว่ารัฐบาลคงหวังจะให้เป็นปัจจัยที่จะสนับสนุนให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศนั้นมีสภาวะที่ดีขึ้น ซึ่งเมื่อการลงทุนได้เริ่มดำเนินการ ผนวกกับการทำงานอย่างเต็มที่ของภาคการแพทย์ เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ของโลกที่สามารถฟื้นฟูตัวเองกลับไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"