หากไม่มีสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด เชื่อได้ว่าไฮไลต์การเมืองในช่วงสัปดาห์นี้ต่อเนื่องสัปดาห์หน้าคงฉายไปที่ 2-3 เรื่องใหญ่ๆ เรื่องแรก การจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์นองเลือดในเดือนพฤษภา. ที่มาบรรจบ เหมาะเจาะกันในเดือนเดียวกัน เหตุการณ์แรก พฤษภาทมิฬ 2535 ช่วงสถานการณ์ปกติมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทุกปี รำลึกให้วีรชนที่เสียชีวิต มีเครือญาติเดินทางมาร่วมงานอย่างคับคั่ง แต่มาในปีนี้อย่างที่ทราบกันดี ไวรัสโควิดปกคลุม

                อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 ระบุว่า "กำหนดการรำลึกเหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม ในสถานการณ์โควิด จะจัดขึ้นในวันที่ 17 พ.ค. ที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม สวนสันติพร ถนนราชดำเนิน เวลา 09.00-09.30 น. ร่วมกันทำบุญตักบาตร 28 ปี พฤษภาประชาธรรม เวลา 09.30-10.30 น. พระสงฆ์ทำพิธีย้ายอัฐิวีรชนจากฐานอนุสาวรีย์เดิมไปฝากไว้วัดชนะสงคราม ระหว่างก่อสร้างอนุสรณ์สถานแล้วเสร็จ ทั้งนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด ปีนี้จึงมีเพียงพิธีทำบุญตักบาตรเท่านั้น และขอให้ทุกท่านใส่หน้ากากอนามัย ยืนรักษาระยะห่าง และนำข้าวปลาอาหารมาทำบุญตักบาตรตามอัตภาพ"

            ฟากฝั่งคนเสื้อแดง จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. บอกถึงกำหนดการรำลึกผู้เสียชีวิตเหตุการณ์สลายชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค.2553 ที่ปีนี้ครบรอบ 10 ปี ขอเชิญประชาชนร่วมทำบุญกันทั้งแผ่นดิน แม้อยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ยังสามารถทำบุญได้ตามสะดวก แต่ละคนอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรชนผู้ล่วงลับพร้อมกัน แล้วส่งคลิปมายังพีซทีวีเพื่อเผยแพร่เป็นระยะ ขอผู้มีอำนาจอย่าวิตกกังวล ขัดขวางเป็นอันขาด

            ขณะที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อีกหนึ่งแกนนำคนเสื้อแดง เตรียมจัดกิจกรรมออนไลน์ เชิญคนในหลายแวดวง อาทิ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์, ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือคำผกา, นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, น.ส.จุฑาทิพย์ สิริขันธ์ ประธาน สนท. เขียนบทความรำลึกเหตุการณ์เผยแพร่ทางเฟซบุ๊กเพจยูดีดีนิวส์

            เรื่องราวทางการเมือง การเคลื่อนไหวของ ส.ส.และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ศึกในที่มีความร้อนแรงไม่น้อยไปกว่าสถานการณ์ไวรัสโควิด ศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ฟาดกันหนักหน่วงระหว่างแกนนำกลุ่มสามมิตร สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผนึกกับกลุ่มภาคกลาง วิรัช รัตนเศรษฐ, สุชาติ ชมกลิ่น พร้อมกับ ส.ส.อีกจำนวนหนึ่ง ที่ถือหาง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค

            งัดกลยุทธ์ทุกช่องทาง กลุ่มคณะกรรมการบริหารพรรคในสายนี้รวบรวมลาออก เพื่อให้ถึงจำนวนตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ เพื่อให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค-อุตตม สาวนายน ที่เป็นสายตรงกลุ่มสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่นาทีนี้ยังเป็นกระดูกชิ้นโต และยังคิดแก้เกมเตรียมตอบโต้กลับ

            ข่าวคราวออกมาในแต่ละวันร้อนแรง งานนี้มีเดิมพันกันสูง ทั้งการล้างขั้วอำนาจเดิมที่ไม่ลงรอย และยังอาจส่งผลต่อการรื้อโผ ครม.ประยุทธ์ ในวาระอันใกล้นี้ หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย

            พรรคเพื่อไทย นำโดย ‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แม้จะพลาดหวังการรวบรวมเสียง ส.ส.และ ส.ว. เพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อถกวาระ เสนอแนะข้อเสนอใน พ.ร.ก.กู้เงินกว่า 1.9 ล้านล้านบาท ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่ก็กำลังจะสมหวังขุนพลพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้าน เพราะสภาสมัยสามัญมีกำหนดจะเปิดตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. และทันทีที่มีการประชุมสภาฯ นัดแรก ระหว่างวันที่ 27-28 พ.ค. เพราะถึงอย่างไร วาระการกู้เงินจำนวนมหาศาลของรัฐบาลจะถูกหยิบยกมาพิจารณาเป็นวาระแรกแน่นอน

            โดยฝ่ายค้านเตรียมถกท่าทีกันตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. สรุปออกมาเป็นความเห็นฝ่ายค้านว่าจะโหวตออกมาในรูปแบบใด เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ไม่ว่าจะออกในรูปแบบใด จะความเห็นแนวตั้งเป็นเงื่อนไข กระตุกให้รัฐบาลที่จะนำเงินมาใช้ต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ประชาชน ทั้งด้านสาธารณสุข เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลาย และต้องไม่ใช่การนำเงินมาสร้างความนิยม ขยายฐานเสียงตัวเอง และห้ามให้เกิดการนำงบไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างมีวาระซ่อนเร้นอย่างเด็ดขาด

            แว่วเสียงอีกด้าน ขุนพลทีมตรวจสอบในพรรคเพื่อไทยกำลังจะเปิดประเด็นแฉเรื่องราวความไม่โปร่งใสมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โฟกัสไปยังหนึ่งในกระทรวงที่ขุนพลใกล้ชิดกับบิ๊กมือกุมทิศทางเศรษฐกิจในรัฐบาล 

            การบินไทยจะอยู่ จะไป จะยังเป็นสายการบินแห่งชาติต่อไปหรือไม่

            หลังประสบภาวะขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน มหากาพย์การบินไทยยังพูดกันไม่รู้จบ สายการบินแห่งนี้จะมีแผนฟื้นฟูอย่างไร ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขีดเส้นให้การบินไทยส่งแผนฟื้นฟูในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ท่ามกลางความคิดเห็นหลากหลายที่มีทั้งคนอยากให้การบินไทยหลุดพ้นจากภาวะที่เป็นอยู่ กับกลุ่มคนที่ยังอยากให้เป็นเหมือนเดิม

            ยังไม่นับรวมสถานการณ์ของไวรัสโควิด ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่นิ่งมานาน บางวันไม่มียอดผู้ติดเชื้อ แต่บางวันก็กระโดดมาให้น่าตกใจ มาตรการภาครัฐที่เริ่มผ่อนคลาย ปลดล็อกให้หลายธุรกิจมากขึ้น จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น หรือทำให้ผู้คนหย่อนยานในการป้องกันตัวเอง

            ที่สุดแล้วจะต้องกลับมานับหนึ่งกันใหม่หรือไม่ วาระการเมือง การเคลื่อนไหวกลุ่มมวลชน สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องให้ติดตามกันอย่างใกล้ชิด ชนิดห้ามกะพริบตาในห้วงเวลาปักษ์หลังเดือนพฤษภาคม.