15 พ.ค.63-นายพีรพล ตริยะเกษม ประธานมูลนิธิสถาบันวิชาการ 14 ตุลา อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยุค14ตุลาฯ2516 เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลไทยกำลังแก้ปัญหาวิกฤติการบินไทย ว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่รัฐบาลควรจะทำ คือการปรับองค์กรให้เล็กลงตามความรู้ความสามารถของพนักงาน เร่งหาสภาพคล่องเน้นการพึ่งพาตัวเองขององค์กรมากกว่าพึ่งพารัฐบาล
นายพีรพล กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปรับองค์กรที่หลายฝ่ายกำลังพูดถึงโดยเน้นปรับตามความโดดเด่นและจุดแข็งขององค์กรมทั้งด้านการบิน การบริการ การซ่อมบำรุง การผลิตอาหารและการขนส่ง โดยเฉพาะเรื่องความโดดเด่นทางด้านการผลิตอาหาร ขอเสนอให้สร้างเป็นนิคมอุตสาหกรรมอาหารเพื่อเป็นการเน้นธุรกิจอาหารอย่างเต็มระบบ ส่วนภาคบริการการซ่อมบำรุงการบินไทยมีศักยภาพในเรื่องนี้มาก ขอเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาโดยร่วมมือกับสายการบินโลว์คอสต่างๆของไทยเพื่อที่จะได้เกิดความร่วมมือและทำให้เกิดการแข่งขันกับต่างประเทศได้
อดีตแกนนำนักศึกษา 14 ตุลาฯ กล่าวอีกว่า จุดแข็งของการบินไทย คือ มีบุคลากรที่ชำนาญการ ส่วนจุดอ่อน คือ การบริหาร และการจัดการซึ่งเราจะปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงที่เป็นฝ่ายการเมือง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ตลอดจนบุคลากรที่มีการฝากฝังมา แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็สร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องสร้างให้กับการบินไทยในเร็ววัน คือ รัฐบาลตั้งบอร์ดที่มีความเป็นกลางเข้ามาแก้ปัญกาของการบินไทย เปิดให้มีคนหลายฝ่ายเข้าร่วม ไม่ใช่ใครก็ได้มานั่งรับเงินเดือนแพงๆ ที่สำคัญการบินไทยต้องแก้ปัญหาแบบไม่หวังพึ่งรัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียว ต้องหวังพึ่งศักยภาพของตัวเองให้มากที่สุด โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดให้ได้
นายพีรพล กล่าวถึงปัญหาการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของการบินไทย ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าว่า ในฐานะที่เป็นลูกค้าของการบินไทย จากประสบการณ์ที่บินร่วมกับการบินไทยและเห็นว่า ทุกเที่ยวบินจะมีที่ว่างโดยเฉลี่ย 30% นั่นคือ การบินไทยขาดรายได้กับที่นั่งว่างเหล่านี้ ถ้าหากจะให้ตนเสนอแนะ ก็ให้นำที่ว่าง 30% นี้ออกมาขายล่วงหน้า หากการบินไทยต้องการเงินสดมาแก้ปัญหาสภาพคล่อง 1 แสนล้านบาท ก็ทำแพคเกจให้ได้ 1 แสนล้านบาท เช่น แพคเกจละ 50,000 บาท ก็ขาย 2 ล้านแพ็คเกจ ก็จะได้มีเงินมาแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในระยะเวลาอันสั้น
"หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าแพคเกจที่แนะนำให้คืออะไรในแพ็คเกจ 50,000 นี้เป็นตั๋วเครื่องบินที่มีอายุตั๋วโดยสาร มีอายุ 3 ปี วันเริ่มยังไม่ระบุเพราะวันเริ่มจะชัดเจนเมื่อเรานำเครื่องการบินไทยขึ้นบินอีกครั้ง เมื่อเครื่องการบินไทยขึ้นบินเมื่อไหร่ก็นับวันนั้นเป็นวันเริ่มต้นของอายุตั๋ว โดยตั๋วนี้ไม่ระบุวัน เวลา และชื่อผู้โดยสารที่จะบิน ซึ่งตั๋ว 4 ใบนี้ ใบแรกบินยุโรปประเทศไหนก็ได้ในภาคพื้นยุโรป ใบที่ 2 เดินทางในภาคพื้นเอเชีย ใบที่ 3 และ 4 บินภายในประเทศ เพียงแค่นี้การบินไทยก็จะมีเงินหมุนเวียน 1 แสนล้านทันที"
นายพีรพล กล่าวต่อว่า สำหรับแรงจูงใจที่จะทำให้ตัวขายได้เร็ว และผู้ซื้อใช้ตั๋วบินเร็วขึ้นก็อาจจะจูงใจด้วยการเพิ่มมูลค่าของหางตั๋ว เช่น การนำหางตั๋วมาจับรางวัลชิงเงินสด บ้าน รถยนต์ หรืออื่นๆเพื่อให้บรรดาผู้ซื้อแพคเกจแต่อาจจะอยากซื้อแพคเกจหลายใบแล้วรีบบินเพราะหลังจากดินแล้วก็มาจากฉลากตรงนี้ได้
อดีตแกนนำนักศึกษาสมัย 14 ตุลาคม กล่าวอีกว่า หากมองว่าการขายแพคเกจอาจจะใช้ระยะเวลา เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเจรจากับธนาคารเพื่อเอาเงินจากธนาคารมาแก้ปัญหาสภาพคล่องก่อน และเมื่อขายแพคเกจได้อาจจะใช้เวลาเพียง 2-3 เดือน ก็ส่งเงินคืนธนาคารพร้อมดอกเบี้ยก็ได้ การนำที่นั่งที่ปกติก็ว่างหรือขายไม่ออกมาสร้างให้เกิดมูลค่านี้ไม่ได้สร้างปัญหากระทบในส่วนใดเลย ในทางตรงกันข้ามกับเอาที่นั่งที่ไม่มีมูลค่ามาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ต้องหวังไปพึ่งพาแต่ภาษีประเทศชาติ และให้คนทั้งประเทศมานั่งวิตกกังวล
"ผมก็คิดได้แบบบ้านๆแบบนี้แหละถ้าเกิดใครมองว่าดี ก็เอาไปปรับใช้ได้ หรือจะให้ผมไปเป็นที่ปรึกษาด้วยผมก็ยินดี" นายพีรพล กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |