6 เม.ย.61- นายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี รักษาการรองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ตอบคำถามของบีบีซีไทยเรื่องความมั่นใจว่าไทยจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปหรือไม่ ว่า “เรามีความเห็นต่อสถานการณ์ของไทยที่เป็นพันธมิตรในทางบวก จากปัจจัยหลาย ๆ ประการ ทำให้เรามีความเชื่อมั่นดังกล่าว และเราก็อยากจะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”

"เราเชื่อว่าประเทศไทยมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประชาธิปไตยและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่น่าภาคภูมิใจ เมื่อพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยเดินทางเยือนสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว เขาก็ได้ให้คำมั่นกับประธานาธิบดีของเราว่าประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีก ซึ่งเราก็คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่าทีของเราก็คือปล่อยให้คนไทยและทางการไทยกำหนดเวลาของการเลือกตั้งกันเอง เรานั้นอยากเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วที่สุด โดยให้เป็นไปตามโรดแม็ป และเป็นไปตามคำมั่นของนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์และรัฐบาลปัจจุบัน “ เขากล่าว

“เมื่อไทยกลับมามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างกันก็สามารถพัฒนาจนถึงขีดสุดของศักยภาพหรือมากกว่านั้น เราก็ตั้งตารอวันเลือกตั้งอยู่ แต่ในระหว่างนี้ สหรัฐฯอยากจะเรียกร้องให้เปิดโอกาสรับฟังแก่ทุกเสียงของคนไทย และการมีส่วนร่วมซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้ง เรามีความเชื่อว่าแผนการจะดำเนินเข้าสู่รูปรอยดังกล่าว แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะยังคงร่วมมือกับไทยในหลาย ๆ ด้านต่อไป”

ในระหว่างปี 2013-2016 นายเมอร์ฟีทำหน้าที่รักษาการเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยในระหว่างที่รอการแต่งตั้งนายกลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตคนปัจจุบัน มาดำรงตำแหน่ง เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เมื่อออกมาวิพากษ์เรื่องการรัฐประหารและนโยบายต่าง ๆ ขอองคสช.ให้หลายประเด็น เช่น ให้ยกเลิกการควบคุมสิทธิพลเมืองและให้กลับเข้าสู่ประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งเพื่อให้รัฐบาลพลเรือนเข้าบริหารประเทศ จนกระทั่งมีการกล่าวหาว่า สหรัฐ ฯ แทรกแซงการเมืองภายในของไทย

จนกระทั่งเมื่อมีการเปลี่ยนให้ดร.ปีเตอร์ เฮย์มอนด์มาแทน นายเมอร์ฟี นสพ.บางกอกโพสต์ระบุว่าการเปลี่ยนตัวนี้น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯดีขึ้น

การเปลี่ยนท่าทีนี้มาพร้อมกับการกลับเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ นายเมอร์ฟีสรุปการบรรยายผลการประชุมระหว่างสหรัฐกับอาเซียน (US-ASEAN Dialogue) ครั้งที่ 31 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียเมื่อวันที่ 3 เมษายนว่า

“สิ่งเราอยากเน้นก็คือสหรัฐอเมริกานั้นอยู่ที่นี่ (ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ในเวลานี้ เราเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคนี้ และเราจะดำเนินนโยบายการเป็นพันธมิตรในลักษณะที่เคารพอธิปไตยของชาติต่าง ๆ, การค้าที่เป็นธรรมและต่างตอบแทน รวมทั้งเคารพระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ เราต้องการให้ทุกประเทศประสบความรุ่งโรจน์ มีความมั่นคง และเสรีภาพ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนของเรา".