โค้งสุดท้ายทวงสิทธิ์เงินเยียวยา 5 พันภายใน 15 พ.ค. "ปชช." แห่ต่อคิวร้องเรียนแน่น  "คลัง" ปรับแผนขยายเวลาเพิ่มอีกถึง 29 พ.ค. พร้อมใช้แบงก์รัฐ "ออมสิน-กรุงไทย-ธ.ก.ส." ทั่ว ปท.รับคำร้อง "ธ.ก.ส." เริ่มโอนเงินเกษตรกรกลุ่มแรก 3.33 ล้านคนแล้ว "กรณ์" หนุนซื้อ "พันธบัตรเราไม่ทิ้งกัน" ชี้ออมเงิน 10 ปีดอกเบี้ยสูง

    ที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ วันที่ 14 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการมาร้องเรียนเพื่อรับเงินเยียวยา 5,000 บาท จากการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ก่อนสิ้นสุดการตั้งโต๊ะรับร้องเรียนในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยยังมีประชาชนเดินทางมาอย่างต่อเนื่องและดูหนาแน่นกว่าทุกวันในรอบสัปดาห์ เนื่องจากเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของมาตรการและการรับเรื่องร้องเรียน
    โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่มากกว่า 200 คนคอยอำนวยความสะดวกผู้ที่เดินทางมาร้องเรียน โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลัง กรมประชาสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ  เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน โดยไม่มีการแจกบัตรคิว ผู้ที่ร้องเรียนสามารถยืนต่อท้ายแถวได้เลย และจะร่นแถวเข้าที่โต๊ะรับเรื่องของเจ้าหน้าที่รับเรื่องด้านหน้า โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าสอบถามข้อมูลเบื้องต้น พร้อมให้กรอกความต้องการที่มาร้องเรียนก่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อร่นระยะเวลาร้องเรียน
    ทั้งนี้ในเวลา 09.00 น. นายแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ อดีตนักร้องลูกทุ่งดัง เจ้าของผลงานเพลงดังมากมาย  อาทิ เพลงหิ้วกระเป๋า ได้เดินทางมาร้องเรียนสิทธิ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาทด้วย โดยเขาระบุว่า ตนเองลำบากตรงที่ไม่มีงานไม่มีเงินเข้ามาให้ใช้จ่ายในแต่ละวัน ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่มีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามาก็ไม่ได้ทำงานเลย และไม่ได้เตรียมตัวเก็บเงินไว้ก่อน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดปัญหา และตนไม่มีอาชีพอื่นนอกจากอาชีพร้องเพลง 
    "วันนี้ที่มาร้องทุกข์เพราะผมได้ลงทะเบียนในโครงการเราไม่ทิ้งกันผ่านเว็บไซต์ตั้งแต่วันแรกที่เปิดลงทะเบียน และได้รับแจ้งจากระบบว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จเพราะหมายเลขบัตรประชาชนไม่ถูกต้อง ซึ่งทำอยู่ 5 ครั้งก็ยังทำไม่ได้ ทำให้ไม่ได้หวังแล้ว แต่พอทราบข่าวว่ากระทรวงการคลังเปิดรับเรื่องร้องทุกข์ และให้มาทวงสิทธิ์จึงเดินทางมาวันนี้ และเจ้าหน้าที่ให้ความเมตตาช่วยเหลือดีมาก ทำให้รู้สึกมีความหวังขึ้นว่าจะได้รับเงิน" นายแสงสุรีย์ระบุ
    ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.การคลัง กล่าวว่า ในวันที่ 15 พ.ค.เดิมจะมีการปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์เงินเยียวยา 5,000 บาทในโครงการเราไม่ทิ้งกัน ที่กรมประชาสัมพันธ์ แต่ รมว.การคลังมองว่ายังมีประชาชนที่ตกหล่นต้องการมาร้องทุกข์อีกจำนวนมาก จึงสั่งให้ขยายเวลาการรับเรื่องร้องทุกข์ตั้งแต่วันที่ 18-29 พ.ค.63 โดยจะเปิดรับร้องทุกข์และสอบถามข้อมูลได้ที่ธนาคารของรัฐ คือ  ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ยังเดือดร้อน ซึ่งจะเปิดในวันและเวลาราชการ
    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า มาตรการเยียวยา  5,000 บาท ล่าสุดมีผู้ผ่านเกณฑ์แล้ว 14.5 ล้านราย แบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองตั้งแต่รอบแรกจำนวน 4.4 ล้านราย กลุ่มที่ขอข้อมูลประกอบอาชีพเพิ่มเติมและผ่านเกณฑ์จำนวน 5.3 ล้านราย  และกลุ่มที่ขอทบทวนสิทธิ์และผ่านเกณฑ์จำนวน 4.7 ล้านราย โดยคลังจะดำเนินการโอนเงินเยียวยาให้ผู้ผ่านเกณฑ์ในสัปดาห์นี้ได้ประมาณ 14.2 ล้านราย และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3 แสนรายจะนำไปรวมกับจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน จากกลุ่มขอข้อมูลประกอบอาชีพเพิ่มเติมและกลุ่มที่ขอทบทวนสิทธิ์ โดยสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า 
    "สัปดาห์นี้ประเด็นที่มาร้องเรียนสิทธิ์ส่วนใหญ่เป็น 2 กลุ่มเดิม คือ 1.กลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ เนื่องจากข้อมูลบัตรประชาชนไม่ถูกต้องจำนวน 1.7 ล้านราย ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสม เบื้องต้นพบเป็นหัวหน้าครัวเรือนเกษตรกรและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับการเยียวยาตามมาตรการอื่นจำนวน 6 แสนราย 2.กลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิ์แต่ชื่อบัญชีไม่ตรงกับชื่อและนามสกุลที่ลงทะเบียนไว้ เบื้องต้นมีประมาณ 1 ล้านราย" นายลวรณกล่าว 
    ผอ.สศค.กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่ได้รับเอสเอ็มเอสขอข้อมูลการประกอบอาชีพเพิ่มเติมจำนวนประมาณ 6.5 ล้านราย แต่ยังไม่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมประมาณ 4 แสนราย ขอให้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ในการรับสิทธิ์จากมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ได้ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com โดยด่วน เนื่องจากกระทรวงการคลังจะปิดระบบการขอข้อมูลการประกอบอาชีพเพิ่มเติมในวันที่ 15 พ.ค.นี้ เวลา 24.00  น.
    ด้านนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ส่งข้อมูลเกษตรกรให้ ธ.ก.ส.แล้ว จำนวน 6.77  ล้านคน จากเกษตรกรที่ผ่านการตรวจคัดกรองความซ้ำซ้อนในขั้นแรกทั้งสิ้น 7.37 ล้านคน โดยในจำนวน 6.77 ล้านคนนี้ได้มีการตรวจคัดกรองความซ้ำซ้อนของเลขประจำตัวประชาชน และความซ้ำซ้อนจากมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว
    "ธ.ก.ส.พร้อมโอนเงินให้เกษตรกรกลุ่มแรกจำนวน 3.33 ล้านคนภายในคืนวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ค.นี้ โดยเงินจะเข้าบัญชีเกษตรกรในวันศุกร์ที่ 15 พ.ค.นี้ ส่วนอีก 3.43 ล้านรายยังอยู่ระหว่างการคัดกรองความซ้ำซ้อนจากมาตรการเราไม่ทิ้งกันอีกครั้งในวันที่ 17 พ.ค.63 โดย ธ.ก.ส.จะเร่งโอนเงินให้เกษตรกรที่ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยวันละ 1 ล้านราย โดยคาดว่าภายใน 10 วันจะดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกรครบ 10  ล้านราย" นายอภิรมย์กล่าว
    ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า สำหรับเกษตรกรที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตได้นั้น สามารถเดินทางไปที่สาขาซึ่งจะมีการตั้งโต๊ะเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกษตรกรในโครงการเยียวยาเกษตรกร โดยยืนยันว่าเกษตรกรที่ผ่านเกณฑ์ทุกรายจะได้รับเงินเยียวยาแน่นอน 
    วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมออกพันธบัตรเราไม่ทิ้งกันว่า วิธีขายพันธบัตรรัฐบาลรอบนี้คือการขายตรงให้ประชาชน ซึ่งตนเป็นคนออกแบบระบบการขายพันธบัตรแบบนี้ไว้สมัยเป็นรัฐมนตรีคลัง เมื่อสิบปีที่แล้วตอนขายพันธบัตรไทยเข้มแข็ง เพื่อนำเงินมาฟื้นฟูวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์จนสำเร็จ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ภูมิใจมาก  
    "สมัยนั้นรัฐบาลมักจะขายพันธบัตรให้สถาบันการเงิน โดยประชาชนจะซื้อตรงไม่ได้ แต่ปี 2552 เราได้ออกแบบให้ประชาชนมีสิทธิ์ โดยที่เราเน้นย้ำให้สิทธิ์กับผู้สูงอายุก่อน ปรากฏว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก  และเป็นรายได้ดอกเบี้ยที่มั่นคงให้ประชาชนมาจนหมดอายุพันธบัตร เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ใครมีเงินออม ผมเชียร์นะครับ พรุ่งนี้เขาเปิดให้จองได้ที่ทุกธนาคาร และให้สิทธิ์กับผู้สูงอายุเท่านั้นก่อน โดยสามารถซื้อต่ำสุด 1,000 บาท สูงสุด 2,000,000 ต่อคน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3% (10 ปี) หรือ 2.4% (5 ปี)" นายกรณ์ระบุ
    หัวหน้าพรรคกล้ากล่าวว่า ความจริงรัฐบาลกำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรไว้สูงเกินไปด้วยซ้ำ  รัฐบาลพยายามเอาใจนักลงทุนหลักหมื่นคน แต่ดอกเบี้ยที่สูงคือภาระเงินภาษีของคนไทยทุกคน ดังนั้นใครมีเงินออมควรซื้อไว้ ตนแนะนำว่าซื้อ 10 ปีดีกว่า คนอาจจะจองน้อยกว่า และเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่ขึ้นไปอีกนานจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม.