ศึกสายเลือด พปชร.ระอุอีกรอบ! "สามมิตร-ธรรมนัส" กลับลำหนุน "บิ๊กป้อม" หัวหน้าพรรค "สุริยะ" นำทีมเซ็นใบลาออกแล้ว รอสัญญาณ-โควิดซา โละทีมสมคิด เขี่ยอุตตมพ้นกรรมการบริหาร

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  อีกครั้งหนึ่ง หลังช่วงก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพรรค จากนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง มาเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์  พปชร. รวมถึงพยายามล็อบบี้ให้กรรมการบริหารพรรคลาออกให้ถึงกึ่งหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่ปรากฏว่ามีกรรมการบริหารพรรคที่พร้อมจะลาออกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้ต้องยุติการดำเนินการไปก่อน รวมถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวในช่วงที่ทุกฝ่ายกำลังแก้ปัญหาโควิด-19 
โดยพบว่ากลุ่มสามมิตรซึ่งครั้งก่อนยังมีท่าทีสนับสนุนฝั่งของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แต่ล่าสุดหลังพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรแล้ว นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้เปลี่ยนท่าทีและได้เซ็นใบลาออกจากกรรมการบริหารพรรคไว้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ยื่นเพราะต้องรอสัญญาณและรอสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายก่อน ถึงจะยื่นพร้อมกับคนอื่นๆ ที่มีการเซ็นใบลาออกไว้แล้วเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่ก่อนหน้านี้ไม่แสดงท่าทีใดๆ ก็ได้ตัดสินใจแบบเดียวกัน
รวมถึงกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ก่อนหน้ามีท่าทีสนับสนุนฝ่ายนายสมคิด ได้เปลี่ยนท่าทีและเซ็นใบลาออกจากกรรมการบริหารพรรคไว้แล้วเช่นเดียวกัน ทำให้ขณะนี้เสียงของฝ่ายที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรค นำโดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล, นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน  ส.ส., นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ  รมว.ศึกษาธิการ, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เกิน 18 เสียง หรือเกินกึ่งหนึ่งแล้ว 
ซึ่งตามข้อบังคับพรรค หากกรรมการบริหารพรรคลาออกเกินกึ่งหนึ่ง จะทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันสิ้นสุดลง ต้องเลือกชุดใหม่ ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อจัดประชุมใหญ่เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่หลังจากได้รับสัญญาณและสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม อีกทางหนึ่งตามข้อบังคับพรรค หากหัวหน้าพรรคลาออกเองเพียงคนเดียว จะทำให้กรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งโดยอัตโนมัติ ขณะที่เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะตัดสินใจ.