‘ยูนิเซฟ’ประณาม แก๊งครูข่มขืนศิษย์


เพิ่มเพื่อน    

  ยูนิเซฟประณาม 5 ครูรุมโทรม 2 ลูกศิษย์ ระบุสะท้อนถึงความล้มเหลวในการคุ้มครองเด็ก  จี้เร่งเยียวยาเหยื่อโดยเฉพาะด้านจิตใจเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ตำรวจยันไม่เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนแม้จะมีนามสกุลเดียวกับผู้ต้องหา ปู่ผู้เสียหายเรียกร้องโทษประหาร ปลัด ศธ.สั่งตั้งกรรมการสอบ ผอ.โรงเรียนปล่อยเกิดเหตุร้ายนานข้ามปี ด้านครูหญิงที่ออกมาซ้ำเติมเด็กถูกสั่งให้เขียนรายงาน

    เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ยูนิเซฟ (องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ) ประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์กรณีครูข่มขืนนักเรียนหญิงในจังหวัดมุกดาหารว่า ยูนิเซฟขอประณามเหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนหญิงอายุ 14 ปี และ 16 ปี ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร ถูกครูและศิษย์เก่าผู้ต้องสงสัยข่มขืนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปกป้องคุ้มครองเด็ก และควรเป็นจุดเปลี่ยนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการเพื่อปรับปรุงการคุ้มครองเด็กในโรงเรียนโดยด่วน
    ไม่ควรมีเด็กคนใดควรต้องเผชิญกับความรุนแรงไม่ว่าในรูปแบบใดหรือสถานที่ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียนซึ่งควรเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน โรงเรียนต้องเป็นที่ที่เด็กรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง และเป็นที่ที่พวกเขาจะสามารถเรียนรู้ เติบโต ตลอดจนพัฒนาทักษะและความมั่นใจในการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ต่อไปในอนาคต 
    อย่างไรก็ตาม ยูนิเซฟได้แสดงความชื่นชมกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการติดตามกรณีนี้อย่างจริงจัง และเชื่อมั่นว่าการดำเนินการตามกระบวนการจะนำไปสู่การจัดการที่เหมาะสมกับกรณีการละเมิดเด็กอย่างรุนแรงเช่นนี้ 
    "กระทรวงศึกษาธิการ องค์กรครู โรงเรียน สถาบันฝึกหัดครู ต้องร่วมกันเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในโรงเรียน และต้องมุ่งมั่นในการสร้างโรงเรียนให้เป็นสถานที่แห่งความหวังและโอกาส ที่ซึ่งเด็กๆ จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างปลอดภัย หลักสูตรการอบรมครูและการพัฒนาทางวิชาชีพควรต้องกำหนดให้ครูได้รับการอบรมอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เกี่ยวกับสาเหตุของการใช้ความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโรงเรียน แนวทางการป้องกัน แนวทางการส่งต่อและการให้ความช่วยเหลือเด็กที่ตกเป็นผู้เสียหาย และหลักจริยธรรมของวิชาชีพครู" แถลงการณ์ระบุ
    ยูนิเซฟประเทศไทยยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ช่วยให้เด็กที่ตกเป็นผู้เสียหายสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อหนุนให้พวกเขาสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ โดยนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และบุคลากรทางการแพทย์ เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูชีวิตของเด็กที่ตกเป็นผู้เสียหาย ประเทศไทยควรเพิ่มการลงทุนในการขยายฐานของผู้ให้บริการทางสังคมกลุ่มนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้านการคุ้มครองเด็ก เพื่อให้ผู้ที่ตกเป็นผู้เสียหายจากความรุนแรง การถูกแสวงหาประโยชน์ การถูกทำร้าย หรือการถูกทอดทิ้ง ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมและทันท่วงที รวมถึงช่วยให้ค้นเจอเหตุความรุนแรงตั้งแต่เนิ่นๆ โดยไม่ทิ้งไว้ให้ลุกลามอย่างกรณีของจังหวัดมุกดาหาร
    "ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยที่คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นหลัก" 
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนในคดีครูและศิษย์เก่าข่มขืนนักเรียนชั้น ม.2 ในจังหวัดมุกดาหาร ที่มีนามสกุลเหมือนผู้ต้องหาคนหนึ่ง ทำให้สังคมเกิดความกังวลในเรื่องความเป็นธรรมกับผู้เสียหายว่า จากการตรวจสอบยืนยันว่าพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวไม่ได้เป็นญาติหรือเพื่อนกับผู้ต้องหาแต่อย่างใด เป็นการบังเอิญที่นามสกุลเหมือนกัน และยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวน 
    รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ต่อให้เป็นนามสกุลเดียวกัน แต่หากมีการเอื้อประโยชน์ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง  จะต้องมีการดำเนินคดีทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย อีกทั้งเรื่องนี้เป็นที่สนใจของสังคม ที่ผ่านมาตำรวจมีการแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน แต่ละข้อหามีอัตราโทษสูงถึง 10 ปี การดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องก็อยู่ในกรอบเวลาไม่เกิน 84 วัน ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหามีนามสกุลเหมือนกับตำรวจรู้ความเคลื่อนไหวของพนักงานสอบสวนนั้น เพราะคดีนี้เป็นคดีสำคัญ มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนตรงไปตรงมาตลอด  เป็นเหตุให้ผู้ต้องหารู้ขั้นตอนของกฎหมาย จึงมีการไปมอบตัวต่อตำรวจ  
    ด้าน พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ชี้แจงว่า ตำรวจยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีกระทำชำเรา ส่วนข้อหาค้ามนุษย์ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พยานหลักฐานยังสาวไม่ถึง โดยได้สั่งการให้ทำคดีให้รัดกุมที่สุด เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 7  คนให้การปฏิเสธ จำเป็นต้องทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบ ซึ่งเมื่อวันอังคารครู 3 คนได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มในคดีกระทำชำเราเด็กนักเรียน ตำรวจไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนผู้เสียหายทั้งสองคนยังอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.มุกดาหาร และได้ส่งตำรวจออกตระเวนดูแลความปลอดภัยให้ญาติผู้เสียหาย
    ขณะที่ชายวัย 59 ปี ปู่ของนักเรียนหญิงชั้น ม.4 หนึ่งในสองผู้เสียหาย กล่าวว่ารับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลานสาว เพราะวางใจมาตลอดว่าโรงเรียนจะช่วยเป็นหูเป็นตาแทนผู้ปกครองได้เหมือนกับบ้านหลังที่ 2 ครูก็คือพ่อแม่ที่สั่งสอนดูแลแทนผู้ปกครอง แต่เหตุที่เกิดขึ้นทำให้ตัวเองพูดอะไรไม่ออก หลังเป็นข่าวใหญ่โต ฝ่ายครูผู้ก่อเหตุหรือญาติของครูไม่ติดต่อมาเลย เงียบกันหมด จึงอยากให้ผู้ต้องหาได้รับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
    นายจักราวุธ สอนโกษา ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 กล่าวว่า กรณีดังกล่าว สพม.22 ทราบเรื่องตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงร่วมกับศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหารทันที หลังทราบแน่ชัดว่ามีครู 5 คนพัวพันในคดีข่มขืนกระทำชำเราลูกศิษย์ของตนจริง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ศึกษาธิการจังหวัดมุกดาหารได้สั่งให้ออกราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 คนถือว่าได้ขาดจากราชการแล้ว จะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
    ผอ.สพม.22 กล่าวด้วยว่า กรณีครูผู้หญิงคนหนึ่งออกมาให้กำลังใจครูผู้ชายทั้ง 5 คน และกล่าวหาว่าเด็กหญิงผู้ถูกกระทำล่วงละเมิดทางเพศเป็นเด็กดื้อ ตราหน้าว่าเป็นคนเนรคุณพร้อมคำสาปแช่งต่าง ๆ นานานั้น นายจักราวุธกล่าวว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของครูคนนั้น ถ้าถามว่าเหมาะสมหรือไม่ก็เห็นว่าไม่เหมาะสม ตอนนี้ให้เขียนรายงานชี้แจงแล้ว เบื้องต้นอาจจะแค่ว่ากล่าวตักเตือนก่อน
    สำหรับนายราชัน อาจวิชัย ผอ.โรงเรียนบ้านดงมอนวิทยาคม ผู้บังคับบัญชาของครูทั้ง 5 คน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีปล่อยให้เรื่องเกิดขึ้นนานข้ามปี โดยตนเองอ้างว่าไม่รู้เรื่องเพราะไม่ค่อยได้อยู่ในโรงเรียน มีรายงานว่าจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้วย
    นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะมีการทบทวนการเข้ามาเป็นครู ต้องได้คนดี มีคุณธรรม และจรรยาบรรณของความเป็นครูอย่างแท้จริง พร้อมทั้งจะเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก ที่ผ่านมาอาจจะละเลยในหลายๆ  เรื่องจนนำมาสู่ปัญหาที่ไม่คาดคิด แต่ต่อจากนี้ ศธ.จะต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก ผู้บริหารสถานศึกษาต้องช่วยกันดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ศธ.ตั้งศูนย์คุ้มครองช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ศคพ.) แล้ว ศูนย์ดังกล่าวจะเข้ามาช่วยดูแลนักเรียนอย่างเต็มที่ จึงขอให้นักเรียนและผู้ปกครองสบายใจได้
    ด้านนายประเสริฐ บุญเรือง ปลัด ศธ. ในฐานะโฆษก ศธ. กล่าวว่า รมว.ศธ.มีความเป็นห่วงกรณีดังกล่าวเป็นอย่างมาก และได้สั่งการมายังตนให้ติดตามดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ขอยืนยันว่าคดีนี้จะไม่ใช่มวยล้มต้มคนดูแน่นอน เพราะล่าสุดตนได้รับรายงานจากศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) มุกดาหาร ว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิด 5 ครูที่ถูกกล่าวหา โดยครูบางคนได้รับสารภาพว่าได้มีการจ่ายเงินให้กับเด็กจริง รวมทั้งมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย คาดว่าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะสามารถสรุปผลการสอบสวนได้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากผลสรุปว่ามีความผิด แน่นอนว่ามีโทษถึงขั้นไล่ออกจากราชการ 
    "นอกจากนี้ผมยังได้สั่งการไปยัง ศธจ.มุกดาหาร ให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงผู้อำนวยการโรงเรียนดงมอนวิทยาคม ว่ามีพฤติกรรมบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ หรือรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นภายในโรงเรียนนับปี โดยให้เร่งดำเนินการสืบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ และหากผลพบว่าบกพร่องต่อหน้าที่ก็ต้องพิจารณาโทษ และย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นเพื่อความสบายใจของนักเรียน ผู้ปกครอง และคนในสังคมด้วย"
    นายธวัชชัย ไทยเขียว อดีตอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า  สถานศึกษาถือเป็น "ผู้ปกครอง" ตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เนื่องจากสถานที่ให้การศึกษาเป็น "สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ" ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่ไม่เคยเห็นสถานศึกษาไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูหรือบุคลากรทางการศึกษาคู่กับการดำเนินการทางวินัย โดยเฉพาะในกรณีครูหรือบุคลากรทางการศึกษาล่วงละเมิดเด็กหรือเยาวชนในสถานศึกษาของตนเอง และมักปล่อยให้เป็นภาระของผู้ปกครอง อย่างนี้ผู้อำนวยการสถานศึกษาเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ม.157 ป. อาญาหรือไม่
    โดยส่วนตัวเห็นว่า สถานศึกษาควรไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูหรือบุคลากรทางการศึกษาที่กระทำผิดดังกล่าวด้วย ไม่ควรปล่อยให้ผู้ปกครองสู้โดยลำพัง. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"