ต้องเรียกว่าเป็น “ข่าวดี” อย่างมากสำหรับประเทศไทยและคนไทย เมื่อ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวันพุธที่ 13 พ.ค. ว่าเป็นศูนย์ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมยังอยู่ที่ 3,017 ราย เสียชีวิตสะสม 56 ราย และหายป่วยสะสมแล้ว 2,844 ราย ทั้งนี้ ยังมีข่าวดีที่น่าปรบมือให้กับคนไทยที่ร่วมกันต่อสู้ “ไวรัสมรณะ” อีกประการหนึ่งคือ ไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่หลักเดียวต่อเนื่องถึง 17 วัน ไม่นับวันที่ 4 พ.ค. ซึ่งพบผู้ป่วยรายใหม่ 18 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในศูนย์กักกันที่ อ.สะเดา จ.สงขลา...๐
แต่ที่ยังมีเรื่องต้องขอร้องและวอนอีกประการหนึ่งคือ กรณีผู้หายป่วยถึง 2,844 รายนั้น ควรตอบแทนคืนประเทศชาติบ้างในการบริจาคพลาสมา เหมือนที่ “แมทธิว ดีน” ได้ไปดำเนินการมา โดยคงไม่ต้องถึง 6 ครั้งอย่างที่ "ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บอกว่าสามารถทำได้ ขอแค่กว่า 2 พันคนบริจาคคนละครั้งก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งก็ เป็นการทำความดีไม่ต่างจาก “ตู้ปันสุข” แต่ประการใดเลย ซ้ำเรายังอาจทำให้ “ประเทศไทย” เป็นประเทศต้นๆ ของโลกในการผลิตวัคซีน หรือหายาแก้ “โควิด-19” จากแอนติบอดีเหล่านี้ด้วย เพราะล่าสุด “หมอยง” ก็โพสต์เฟซบุ๊กว่า ปัจจุบันมีนักคิดและนักวิจัยที่ผุดจากวิกฤติโควิดครั้งนี้จำนวนมาก...๐
ดูเหมือนตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็น “ศูนย์” และจังหวะแห่งเดือนพฤษภาคม จึงทำให้ “ปี่กลองทางการเมือง” เริ่มเชิดฉิ่งกันแล้ว โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวจาก “คณะก้าวหน้า” ที่แก๊ง 3 คนอย่าง “เอก-ป๊อก-ช่อ” เป็นผู้นำได้เริ่มกิจกรรมตั้งแต่ “ทอล์ก” ผ่านเฟซบุ๊ก จนมาถึงการ “ยิงเลเซอร์” หลังจากกระแสเฟซบุ๊กปลุกไม่ขึ้น รวมทั้งส่อเค้าเผาตัวเองจากกรณีการแจกเงิน 3 พันบาทด้วยซ้ำ...๐
ที่น่าสนใจอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นกรณี “ทอล์ก” ไล่มาถึงแจกเงิน และยิงเลเซอร์รำลึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 นั้น หากเป็นคนเสื้อแดงอย่าง “จตุพร พรหมพันธุ์” หรือ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ดำเนินการ หรือแม้แต่นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล ภายใต้บังการดูแลของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะไม่ตะขิดตะขวงใจแต่ประการใดเลย แต่ กรณีนี้เกิดจากแก๊ง 3 คน ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอยู่...๐
ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ย้ำหนักย้ำหนาว่าการตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็เหมือนการ “ตัดสินประหารชีวิต” หรือจำคุกในทางคดีอาญา ซึ่งหากสำรวจ ย้อนอดีตตั้งแต่ครั้น “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไล่มาจนถึงบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 นั้น และล่าสุดคืออดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เมื่อถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็ไม่มีการเคลื่อนไหวที่เอิกเกริกเช่นแก๊ง 3 คนของคณะก้าวไกลมาก่อนเลย...๐
คงต้องฝากถามไปถึง 7 อรหันต์คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มี “อิทธิพร บุญประคอง” เป็นประธาน รวมถึง “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่าการกระทำแบบนี้เข้าข่ายการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่อย่างไร เพราะต้องไม่ลืมว่าหากไม่มีการตีเส้นให้ชัดเจน และปล่อยให้ดำเนินการอย่างนี้เรื่อยไปในอนาคต จะยิ่งดุเดือดเลือดพล่านมากกว่านี้แน่นอน...๐ กกต.จะอ้างเหตุว่าด้วย “วิกฤติโคโรนาไวรัส” มาใช้ในเรื่องดังกล่าวคงไม่เหมาะสมเท่าใดนัก เพราะการพินิจพิเคราะห์ตีความเรื่องดังกล่าว สาธุชนคนธรรมดายังรู้ว่าเป็นประเด็นการเมือง และหากเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้ว ก็ขอเตือนไว้ว่าระวังพี่ศรี “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะไปยื่นร้องให้ตรวจสอบ รวมทั้งอาจจะร้องถึงการทำหน้าที่ของ กกต.ในมาตรา 157 ซึ่งอาจจะถึงขั้นตกม้าตายในยุคหลังโควิด-19 ก็เป็นได้ เดี๋ยวจะหาว่าโก๋ไม่เตือน...๐
ทิ้งท้ายด้วยเรื่องร้อนฉ่าทางเศรษฐกิจกันบ้าง นั่นคือกรณีปัญหาของการบินไทย หรือเจ้าจำปีนั่นแล ซึ่งต้องบอกว่า เป็นปัญหาของการบินไทยนั้นหมักหมมและบ่มเพาะมาอย่างยาวนานไม่ต่างจาก “แดนสนธยา” แต่ประการใด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ “รัฐบาลเทวดา” ที่ไหนจะแก้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะไม่ว่าเลือกทางไหนก็ต้องบอกว่าหยิกเล็บเจ็บเนื้อกันทั้งนั้น ฉะนั้นจึงต้องวัดใจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเลือกแก้แบบเจ็บแล้วจบ หรือยื้อให้เรื้อรังกันแบบสามวันดีสี่วันไข้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานคงได้รู้กัน...๐.
...ท.ศักดิ์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |