ชี้ช่อง‘ปู’ลี้ภัยยาว อัยการเผยไม่ยากหลัง5ปียื่นคำขอมีถิ่นพำนักถาวรในอังกฤษได้


เพิ่มเพื่อน    

  อัยการเผยหลักเกณฑ์ยื่นลี้ภัยอังกฤษ "ยิ่งลักษณ์" อ้างได้สารพัด เสี่ยงถูกกลั่นแกล้ง ข่มเหง หรือถูกดำเนินคดี อันมีเหตุเนื่องมาจากสังคม วัฒนธรรม ศาสนา หรือสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ลูก  ผัวได้หมด พ้น 5 ปีขอมีถิ่นพำนักในประเทศอังกฤษได้ "บัวแก้ว" ยันไม่กระทบความสัมพันธ์ไทย-อังกฤษ เพื่อไทยดีใจ "ปู" สุขภาพแข็งแรงดี ยังยิ้มได้ "ป้อม โรเล็กซ์" โผล่อีกเรือนที่ 17 ราคาเบาๆ 1.36 ล้านบาท 

    หลังมีการเผยแพร่ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี บุคคลตามหมายจับคดีปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ออกมาปรากฏตัวที่ห้างสรรพสินค้าในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จนล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในชุดเสื้อแจ็กเกตสีครีม ถือกระเป๋าหรูยี่ห้อแอร์เมสยืนอยู่บริเวณหน้าห้างแฮร์รอดส์ นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นไปได้ ที่ทางการอังกฤษอนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยแล้ว

    นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงหลักเกณฑ์การจะยื่นคำขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า จะต้องมีเหตุผลสำคัญว่าไม่สามารถเดินทางกลับไปประเทศของตนได้ เพราะเกรงกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้ง ข่มเหง รังแก ทำร้าย หรือถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม 

    ซึ่งอาจเป็นกรณีในเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้ เชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ ความคิดเห็นทางการเมือง หรือสิ่งอื่นใดที่จะทำให้ผู้ยื่นคำขอลี้ภัยอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกกลั่นแกล้ง ข่มเหง หรือถูกดำเนินคดี อันมีเหตุเนื่องมาจากสังคม วัฒนธรรม ศาสนา หรือสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ เป็นต้น

    เขากล่าวว่า ผู้มีความประสงค์ขอลี้ภัยสามารถยื่นคำขอลี้ภัยได้ทันทีที่เดินทางมาถึงประเทศอังกฤษ โดยจะต้องผ่านกระบวนการสัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่อังกฤษเพื่อสอบถามถึงเหตุผลในการที่ขอลี้ภัย เช่น ถ้าเดินทางกลับไปประเทศของตนแล้ว ผู้ยื่นคำขอลี้ภัยจะถูกกลั่นแกล้ง ข่มเหง หรือถูกดำเนินคดีอย่างไร ทำไมถึงเกรงกลัวที่จะเดินทางกลับไปประเทศของตน และเจ้าหน้าที่จะพิจารณาตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 

    ซึ่งผู้ยื่นคำขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษมีสิทธินำนักกฎหมาย เช่น ทนายความ เข้าไปพร้อมตัวเองในการสัมภาษณ์ด้วยได้ และในการยื่นคำขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษ ต้องมีหลักฐานแสดงถึงสถานที่ที่จะใช้เป็นที่พักอาศัยในประเทศอังกฤษด้วย ซึ่งอาจเป็นที่พักอาศัยของตนเอง หรือเป็นของบุคคลอื่นที่ยินยอมให้พักอาศัยก็ได้

    นายธนกฤตกล่าวว่า ผู้ยื่นคำขอลี้ภัยสามารถที่จะระบุในคำขอลี้ภัยของตนเพื่อขอลี้ภัยให้คู่สมรสและบุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปีด้วยก็ได้ หากคู่สมรสและบุตรอยู่กับผู้ยื่นคำขอลี้ภัยในประเทศอังกฤษในขณะยื่นคำขอลี้ภัย หรือคู่สมรสและบุตรจะเลือกที่จะยื่นคำขอลี้ภัยต่างหากก็ได้ ในกรณีที่คำขอลี้ภัยได้รับการปฏิเสธจากกระทรวงมหาดไทยของประเทศอังกฤษ ผู้ยื่นคำขอลี้ภัยสามารถยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของกระทรวงมหาดไทยต่อศาลอังกฤษได้

ยื่นขอมีถิ่นพำนักได้

    "ถ้าหากได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยในประเทศอังกฤษได้ ผู้ยื่นคำขอลี้ภัย รวมทั้งคู่สมรสและบุตรจะได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยอยู่ในประเทศอังกฤษเป็นระยะเวลา 5 ปี หลังจากพ้นระยะเวลา 5 ปีแล้ว หากผู้ลี้ภัยยังสามารถแสดงให้เห็นว่าตนเองยังคงมีความเกรงกลัวที่จะต้องถูกกลั่นแกล้ง ข่มเหง หรือถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมหากเดินทางกลับไปประเทศของตนอยู่อีก ผู้ลี้ภัยก็สามารถยื่นคำขอมีถิ่นพำนักในประเทศอังกฤษได้"

    อัยการผู้นี้บอกว่า ถึงแม้ผู้ยื่นคำขอลี้ภัยคนใดจะไม่ได้รับอนุญาตให้ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศอังกฤษเนื่องจากมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประเทศอังกฤษกำหนดไว้ ผู้ยื่นคำขอลี้ภัยคนนั้น รวมทั้งคู่สมรสและบุตรก็อาจได้รับอนุญาตให้พำนักอาศัยในประเทศอังกฤษด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม เพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง เป็นระยะเวลา 5 ปี และเมื่อพ้น 5 ปีแล้วก็สามารถยื่นคำขอมีถิ่นพำนักในประเทศอังกฤษได้เช่นเดียวกัน

    ด้าน น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทราบข้อมูลว่าขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของประเทศใด เนื่องจากก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปหมดแล้ว หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ประสานมายังกระทรวง 

    “ถือว่ากระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้เป็นหน้าที่ของทางอัยการสูงสุดและตำรวจที่จะติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อไป"

    เธอเชื่อว่า การเผยแพร่ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ประเทศอังกฤษ จะไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากไม่นานมานี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษได้เดินทางมาหารือในหลายๆ ด้านกับประเทศไทย ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอังกฤษมีหลายมิติ จึงไม่น่าจะมีปัญหา 

    ส่วนการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษจะถือว่าเป็นการช่วยเหลือกันหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องระหว่างตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์กับประเทศอังกฤษ

    นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องดูก่อนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยื่นขอลี้ภัยได้หรือไม่ เพราะการขอลี้ภัยต้องเป็นเรื่องคดีการเมือง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทางการอังกฤษให้สถานะผู้ลี้ภัยหรือไม่ 

"คิดว่าได้หรือไม่ล่ะ"

    ส่วนการที่ปรากฏภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น คงเป็นการเดินทางในฐานะนักท่องเที่ยวตามปกติ การจะขอตัวมารับโทษในคดีได้นั้น ใช้ช่องทางผ่านอัยการและศาลของประเทศอังกฤษ ซึ่งต้องทำตามกระบวนการให้ถูกต้องในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยอัยการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ พร้อมประสานงานกับทางตำรวจ ศาล และกระทรวงการต่างประเทศ การจะขอตัวนั้น ต้องรู้ภูมิลำเนาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าอยู่ตรงไหน และเป็นถิ่นถาวรหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัด

    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และดำเนินการตามกระบวนการ ส่วนภาพที่ปรากฏ เชื่อว่าสังคมรับรู้ แต่ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะอยู่ที่ไหน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ที่ผ่านมาทางรอง ผบ.ตร.ได้ประสานอินเตอร์โพล ประเทศที่มีข้อตกลงร่วมกับอินเตอร์โพลมี 190 ประเทศ 

    ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้หนังสือเดินทางประเภทใด เข้าประเทศอังกฤษ ตนยืนยันว่าไม่ใช่หนังสือเดินทาง ประเทศไทยแน่นอน 

    เมื่อถามว่า หากพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ลอนดอน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศอังกฤษจะดำเนินการได้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า "คิดว่าได้หรือไม่ล่ะ"

    นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ขอให้ความเห็นต่อการให้สัมภาษณ์ของนายธนกฤต เพราะตนไม่รู้กฎหมายของอังกฤษเกี่ยวกับการขอลี้ภัย และก็ไม่ได้ติดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์มานาน เรื่องการปรากฏตัวของท่าน ไม่มีนัยการเมือง ไม่มั่นใจว่าภาพที่ปรากฏออกมาอยู่ในอังกฤษจริงหรือไม่ ส่วนผลทางคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องให้นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ในฐานะทนายความผู้รับผิดชอบคดีจำนำข้าว เป็นผู้ให้ความเห็นดีกว่า

      ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี  พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ์กุล รอง ผบ.ตร. ประสานไปยังอังกฤษเพื่อขอตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นการทำหน้าที่ของทางตำรวจ เรื่องคดีคนที่ติดตามส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นเรื่องการเมือง ผลก็ลงเอยอย่างที่เห็น ไม่อยากพูดว่าคนโดนกระทำแสดงความโอดครวญออกมา เชื่อว่าพี่น้องประชาชนก็ดูอยู่ถึงกระบวนการที่เกิดขึ้น ในเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมรับกระบวนการ ก็ไปตามวิถีของท่าน 

ดีใจ"ปู"สุขภาพดี

    เขากล่าวว่า แม้จะมีภาพออกมาระบุว่าอดีตนายกรัฐมนตรีพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษ ตนก็เห็นภาพตามโลกโซเชียลฯ ไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ดังกล่าวจริงหรือไม่ เพราะก่อนหน้ามีภาพลักษณะนี้ออกมาบ่อย เข้าใจว่าพอถึงเวลา น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นคนออกมาพูดเอง ส่วนตัวเพียงเห็นภาพรู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังสุขภาพแข็งแรง ยังยิ้มแย้ม หน้าตาสดใสอยู่ เราก็ดีใจแล้ว

    เมื่อถามว่า หากรู้สถานที่แน่ชัดอดีตนายกฯ พำนักที่ใด ต่อไปจะมีอดีต ส.ส.เพื่อไทยเดินทางไปหาหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า คงต้องรอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดให้ชัดก่อนว่าพำนักอยู่ที่ไหนกันแน่ และพร้อมรับแขกหรือไม่อย่างไร แต่ตอนนี้ตนและเพื่อน ส.ส.ยังไม่รู้ ท่านอยู่ที่ใด มีเพียงแต่ทางตำรวจออกมาระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภาพที่ออกมาเป็นภาพจริง ถูกถ่ายภาพในประเทศอังกฤษ

    พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงความเห็นในเฟซบุ๊ก “พงศกร รอดชมภู” เกี่ยวกับกรณีปรากฏภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 

    “มีเพื่อนที่อยู่วงในรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ฯ เล่าว่าเวลาเดินทางไปไหนๆ เพราะเป็นสตรีข้าวของมาก จะควักเงินตัวเองช่วยจ่ายทั้งนั้น โดยบอกว่าช่วยๆ จ่าย จะได้ไม่เปลืองงบประมาณ (ก็คงหมายถึงเธอเกรงใจภาษีของประชาชน) จึงหาทางประหยัดให้

    ตอนนี้เธอมีกระเป๋าใบละ 8 ล้านถือเดินไปเดินมา คงไม่ต้องใช้มุกยืมเพื่อน หรืออาศัยพักบ้านเพื่อนหรอกนะครับ

    มีตังค์แบบเปิดเผย ไม่แคร์สื่อครับ”

    สำหรับ พล.ท.พงศกร เป็นอดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 14 (ตท.14) ซึ่งหลายคนรุ่งโรจน์ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. 

    พล.ท.พงศกร เป็นม้านอกสายตาที่ถูกดึงข้ามห้วยจากกองบัญชาการกองทัพไทย ให้มาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สมช. แต่สุดท้ายก็ต้องมาสะดุดถูกถอนออกจากตำแหน่งไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ตามประกาศคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 21/2558 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง

    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนสงสัยว่าต่อไปนี้บ้านเมืองของเราจะเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นหลัก หรือจะยึดเอาหลักการและความถูกต้องเป็นหลักในการปกครองประเทศกันแน่ ตนไม่เห็นด้วยเลย ถ้าจะมีการแก้ไขประกาศ ป.ป.ช. เรื่องการรับของขวัญมูลค่าไม่เกิน 3,000 บาท เพียงเพื่อเลี่ยงกฎหมายให้ พล.อ.ประยุทธ์สามารถมอบลูกสุนัขเป็นของขวัญรัฐมนตรีใน ครม.ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ตามที่ลั่นวาจาไว้ต่อหน้าสื่อมวลชน 

จิก"บิ๊กตู่"ตลบตะแลง

    ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวต่อไปว่า ซึ่งถ้ามีการแก้ไขประกาศ ป.ป.ช.กันในช่วงนี้ ก็อาจจะมีผลพลอยได้ คือ ช่วยให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่หน้าแตกและมีทางออก เพราะคนได้ยินกันทั่วแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจจะซื้อลูกสุนัขดังกล่าวเป็นของขวัญให้ใคร แบบนี้มันสมควรทำหรือ คนเราถ้าดีจริง เมื่อทำผิดก็ควรยอมรับว่าผิด ไม่ใช่ไปแก้กฎเกณฑ์เพื่อให้การกระทำของตัวเองกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่งั้นถึงจะแก้ตัวอย่างไร ชาวบ้านก็จะไม่เชื่อและรู้สึกว่ากำลังฟังคำตลบตะแลงอยู่ดี ดังนั้น ป.ป.ช.จึงควรพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจถูกมองว่าจะช่วยปกป้องผู้มีอำนาจในรัฐบาล ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาล 

    "ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าคิดจะเป็นนักการเมือง ก็ไม่มีใครห้ามได้ ที่สำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกเป็นนักการเมืองประเภทใด เพราะนักการเมืองก็เหมือนคนวงการอื่น คือมีทั้งคนดีและไม่ดี หากต้องการให้สังคมยกย่อง ก็อย่าเหลิงอำนาจ เคารพเสียงประชาชน และต้องพร้อมสละตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง แต่ถ้าอยากให้คนจดจำในฐานะทรราช ก็ควรย้อนดูบทเรียนในอดีตว่านักการเมืองทรราชที่ฝืนกระแสสังคมและพยายามสืบทอดอำนาจนั้นมีบั้นปลายชีวิตแบบไหน และจะสร้างความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างไรบ้าง" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว

    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช. ไม่เปิดเผยการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะการตรวจสอบยังไม่เสร็จสิ้น เรื่องทุกอย่างยังเป็นความลับ แต่ขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบให้เป็นมาตรฐานเดียวกับการตรวจสอบนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ตรวจสอบอย่างจริงจังและรวดเร็ว ผลเป็นอย่างไร ชี้แจงรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบ 

    แกนนำเสื้อแดงรายนี้กล่าวว่า กรณีนี้ควรดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่ควรลากเวลาออกไป ไม่เช่นนั้นประชาชนจะหมดความเชื่อถือในองค์กร ป.ป.ช. ส่วนการจะให้รัฐสภาทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารนั้น เป็นปกติ ถ้าสมาชิกรัฐสภามาจากประชาชน ก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เมื่อมาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ ก็ต้องปกป้องผู้มีอำนาจ ประชาชนจึงไม่อาจคาดหวังให้รัฐสภาช่วยทำหน้าที่ตรวจสอบได้ ผลงานที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วไม่ว่าจะมีประเด็นอะไรเกิดขึ้นสภาไม่เคยตั้งกระทู้ถามรัฐบาลเลย ดังนั้นเพื่อความสบายใจของประชาชน และเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้รัฐบาล ใครที่เกี่ยวกับประเด็นอะไร ควรออกมาให้รายละเอียดกับประชาชน กรณีนี้ พล.อ.ประวิตรก็ควรออกมาชี้แจงเพื่อให้ประชาชนคลายสงสัย และสร้างความเชื่อมั่น ความโปร่งใสของคนในรัฐบาลด้วย

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ CSI LA ได้เผยแพร่ภาพนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นเรือนที่ 17 เป็นนาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ รุ่น GMT Master II ทำจากทองคำขาว 18K ราคาตลาดอยู่ที่ 1.36 ล้านบาท 

    เพจดังกล่าวระบุว่า รูปนี้ปรากฏในเพจของนางคมคาย อุดรพิมพ์ นายก อบจ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2560 จะเห็นได้ว่า นางคมคายชอบใส่นาฬิกายี่ห้อ ริชาร์ด มิลล์ เหมือนกัน ไม่ทราบเหมือนกันว่า พล.อ.ประวิตรยืมนาฬิกาของนางคมคายมาใส่หรือเปล่า แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะสีต่างกัน ส่วนแหวนเพชรจะยืมแม่มาใส่ด้วยหรือไม่ สังเกตได้ว่าเพชรเม็ดกลางที่ใส่ ขนาดอย่างน้อย 2.5-3.0 กะรัต ราคาเกิน 1 ล้านบาทแน่นอน 

     ทั้งนี้ นาฬิกาเรือนดังกล่าวมีสถานะเหมือนๆ กับ 16 เรือนก่อนหน้านี้ ที่ไม่มีในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. ในส่วนของทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากกว่า 2 แสนบาท

    สำหรับนางคมคาย เป็นภรรยานายยิ่งยศ อุดรพิมพ์ อายุ 54 ปี อดีตนายก อบจ.มหาสารคาม 3 สมัย ประธานกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรแห่งชาติ แต่เสียชีวิตเมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากเหตุการณ์เครื่องบินเล็กตก. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"