อ้างจดหมายเปิดผนึกของ "รจนา สนที" เล่นบท "องคุลิมาล" อุทิศชีวิตเพื่อแผ่นดินไทย สอนมวยรัฐบาลลุงตู่ปราบโกง อย่าแค่จัดอีเวนต์ไฟไหม้ฟาง ให้จับคนโกงในทุกหน่วยงานมาลงโทษ จี้ใจจำขนาดใช้ม.44 ไล่จับยังลงโทษได้ไม่กี่คน ยกกรณีของตัวเองทำให้สังคมได้ประโยชน์ คนกระทำผิดจะได้เกรงกลัว ขณะที่ "อรรถพล" ไม่ปักใจจดหมายของจริง
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวว่า นางรจนา สนที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ระดับ 8 ไม่ได้เข้ามาให้ปากคำหรือข้อมูลใดๆ หลังจากที่คณะกรรมการสืบฯ ได้ส่งหนังสือเชิญมาให้ปากคำ ซึ่งทางคณะกรรมการสืบฯ ก็ไม่ได้วิตกกำลังวล เนื่องจากข้อมูลและเอกสารต่างๆ ที่มีอยู่ถือว่าสมบูรณ์อยู่แล้ว
เขากล่าวว่า หากนางรจนาเข้ามาให้ข้อมูลก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ทั้งนี้ ในส่วนของผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับการโอนเงินจากนางรจนานั้น ขณะนี้มีการติดต่อมาที่คณะกรรมการฯ เพื่อขอเข้ามาให้ข้อมูลในช่วงระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.นี้ โดยคนหนึ่งเป็นข้าราชการระดับ 8 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และอีกคนเป็นข้าราชการของกรมที่ดิน
"เข้าใจว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่เรียนร่วมกับคุณรจนามาในระดับปริญญาโท เบื้องต้นทั้งสองรายยอมรับว่าได้รับการโอนเงินจริง และพร้อมจะนำหลักฐานต่างๆ มาให้คณะกรรมการฯ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนต่อไป"
นอกจากนี้ ในวันที่ 10 เม.ย. จะหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวนและกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกันต่อไป ผู้ตรวจฯ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯ อาจจะต้องขอขยายระยะเวลาในการสืบข้อเท็จจริงไปอีก 15 วัน เนื่องจากขณะนี้มีเอกสารหลักฐานและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอดีตปลัด ศธ. ได้ขอเลื่อนการส่งเอกสารชี้แจงในเรื่องดังกล่าวด้วย
นายอรรถพลกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีจดหมายเปิดผนึก ที่อ้างว่านางรจนาเป็นผู้เขียนนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะใช่นางรจนาพิมพ์เอง เพราะเท่าที่ตนสืบข้อเท็จจริงเอกสารต่างๆ ของนางรจนา ส่วนใหญ่จะใช้ฟอนต์อังสนา แต่ตัวอักษรในจดหมายเปิดผนึกเป็นฟอนต์ไทย-สารบัญ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ามีใครแอบอ้างใช้จังหวะนี้เพื่อการเกาะกระแสก็เป็นได้ ดังนั้นตนจะเก็บจดหมายเปิดผนึกชิ้นนี้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย
มอเตอร์ไซค์มาส่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. มีผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างนำซองเอกสารสีน้ำตาลจ่าหน้าซองถึงห้องสื่อมวลชน ศธ. ภายในซองเป็นจดหมายเปิดผนึก มีใจความระบุว่า กราบเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดิฉันนางรจนา สินที อดีตข้าราชการสำนักงานปลัด ศธ. ระดับชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ “กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต” ที่กำลังโด่งดังขณะนี้ เพราะถูกพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรงโดยถูก “ไล่ออกจากราชการ” แล้วนั้น
ทั้งนี้ การเขียนจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ ดิฉันจะไม่เรียกร้องความเห็นใจใดๆ เพราะถือว่ายอมรับทุกประการกับผลกรรมที่ได้กระทำลงไป ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการ แต่มีประเด็นที่จะกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อจะเป็นบทเรียนสังคมต่อไป ดังนี้
1.ประเด็นเพื่อพิจารณาคือ การพิจารณาโทษทางวินัยของดิฉันที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการอย่างเร่งรีบ รวบรัด การตั้งคณะกรรมการไม่ได้แจ้งคำสั่งเป็นเอกสาร มิได้ให้เวลาดิฉันชี้แจงแม้แต่จำนวนเงินที่เสียหายก็ยังไม่มีข้อยุติ โดยใช้เวลาไม่ถึงเดือน (28 ก.พ.-26 มี.ค.2561) เพื่อลงโทษทางวินัย ทั้งนี้ การพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรง
ดังกรณีนี้ หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ และกระทำโทษโดยถูกต้องชอบธรรมแล้ว ขอได้โปรดสั่งการกำชับ เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการที่กระทำความผิดทุกระดับอย่างเท่าเทียม เพื่อเป็นบรรทัดฐาน ดังเช่นที่ดำเนินการกับดิฉันจักได้ไม่เป็นที่ครหาสืบไป รัฐบาลนี้หรือทุกรัฐบาลต้องจัดการตรวจสอบแก้ไขต่อความเสียหายอย่างนี้ให้ยุติ มิใช่เกิดกระแสไฟไหม้ฟางหรือเพียงการจัดงานอีเวนต์รณรงค์สร้างภาพเท่านั้น
2.ส่วนประเด็นฝากถึงสังคม ขอความกรุณานายกรัฐมนตรีได้โปรดเร่งรัด จัดการให้ทุกหน่วยงานที่มีปัญหาการทุจริตทุกงาน ทุกโครงการ ไม่ว่ามูลค่าความเสียหายจะเท่าไหร่ จักต้องดำเนินการหาคนผิดมาลงโทษ มารับผิดชอบ และขอให้สังคมเฝ้าติดตาม เพราะบางคดีเกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้ว แต่เกิดความล่าช้า หาคนผิดไม่ได้ และบางคดีอาจลืมหายไป อาทิ
2.1 คดีในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หลายคดีความเสียหายหลายพันล้านบาท, 2.2 คดีการก่อสร้างสนามฟุตซอลทั่วประเทศความเสียหายหลายร้อยล้านบาท, 2.3 โครงการไทยเข้มแข็งของอาชีวศึกษาเสียหายหลายพันล้านบาท, 2.4 ความเสียหายการสร้างอควาเรียม สงขลา เสียหายกว่าพันล้านบาท, 2.5 ความเสียหายโครงการ MOE NET ศธ. เสียหายกว่า 3,000 ล้านบาทความเสียหาย 2.6 โครงการซีซีทีวีใต้เสียหายกว่า 400 ล้านบาท
ใช้ ม.44 จับได้ไม่กี่คน
2.7 โกงเงินธนาคารกรุงไทยเสียหายเป็นหมื่นล้าน, 2.8 ผลาญงบพัฒนาเมืองโบราณ (บางแห่ง) เสียหายเป็นพันล้านบาท, 2.9 ทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (สะสม) เสียหายเป็นหมื่นล้านบาท, 2.10 ทุจริตโครงการตำบลละ 5,000,000 บาท เสียหายหลายพันล้านบาท ความเสียหาย 2.11 โครงการจำนำข้าวทุกรัฐบาลเสียหายหลายแสนล้าน, 2.12 โครงการโกงเงินคนจน ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นแทบทุกที่ซึ่งเป็นข่าวก่อนเรื่องของดิฉันเป็นความเสียหายจำนวนมาก และกระทบกับคนด้อยโอกาสมากมายมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องก็ยังหาคนผิดไม่ได้แม้แต่รายเดียว
ทั้งนี้ แม้โครงการที่มีความเสียหายที่ คสช. รัฐบาลนี้ใช้อำนาจโดยผ่าน ม.44 ในระยะเวลา 3-4 ปีมานี้ บางโครงการมีมูลค่าความเสียหายมหาศาล ผู้กระทำความผิดจำนวนมาก แต่หาคนผิดมาลงโทษได้กี่ราย หรือแม้แต่โครงการมหาโปรเจ็กต์ที่รัฐเสียหายหลักพัน-หมื่น-แสนล้าน หากสามารถเร่งรัดหาคนผิดมาลงโทษได้ภายในไม่กี่ไม่ถึงเดือน
ดังนั้น กรณีของดิฉันจะทำให้สังคมและบ้านเมืองได้รับประโยชน์ คนกระทำผิดจะได้เกรงกลัว ขอท่านนายกฯ โปรดอย่าลืม หากกรณีนี้เป็นเหตุให้เกิดปรากฏการเร่งรัดเอาผิดเพื่อนำผู้กระทำผิดมารับโทษทันได้โดยเร็วและเป็นธรรม ก็ขอภาวนาให้เกิดผลกับทุกคดีทุกหน่วยงาน เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติและเป็นบทเรียนสำคัญให้สังคมติดตามต่อไป ดิฉันขอยืนยันว่าจะยินดีรับในผลที่กระทำ จะไม่หนีและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของแผ่นดินต่อไป
จดหมายฉบับนี้ ดิฉันขอฝากกราบขอโทษต่อคุณแม่ซึ่งอายุมากแล้ว ขอโทษญาติพี่น้องคนใกล้ชิดทุกคน ที่ดิฉันได้สร้างตราบาปในชีวิตให้กับพวกเขาเหล่านั้น ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่เคยรับรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยตลอด ทั้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน ที่ทำให้เสื่อมเสียมาสู่องค์กร ซึ่งดิฉันอาจให้เวลากับหน้าที่การงานมากเกินไป จนลืมว่าเวลาของดิฉันนั้นสั้นนัก คำพูดที่สะเทือนใจแต่ทำให้ดิฉันสำนึกได้มากที่สุดคือลูกชายอายุ 30 กว่าปี พูดว่าเกิดเรื่องแม่ติดคุกก็ดี แม่จะได้พักผ่อน เพราะที่ผ่านมาแม่ไม่เคยได้หยุดพัก ทำแต่งาน
ท้ายนี้ หากชีวิตที่ผ่านมา 59 ปี ดิฉันได้สร้างปัญหาก่อกรรมทำบาปไว้ ก็ขอน้อมรับไว้ แต่หากการกระทำของดิฉันประกอบ คุณประโยชน์และความดีเป็นกุศลดิฉันก็ขอน้อมมอบให้แก่ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่ดิฉันยึดมั่นเคารพรัก และขอมอบอุทิศให้แม้ชีวิตเพื่อแผ่นดินไทย?? ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
คาดคนทำผิดร่วม 200 คน
วันเดียวกันนี้ พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. เผยว่า ได้ส่งสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พร้อมแผนประทุษกรรมที่ตรวจสอบพบ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ท.หรือบอร์ด ป.ป.ท. พิจารณาเพื่อลงมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนความผิดทางอาญากับผู้อำนวยการศูนย์ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตอีกจำนวน 24 จังหวัด ซึ่งหากบอร์ด ป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการออกมา สำนักงาน ป.ป.ท.ก็จะส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ในจังหวัดที่บอร์ดมีมติตั้งอนุกรรมการให้ พม.ในสัปดาห์หน้า
ในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของ พม.นั้น อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนเพื่อนำเสนอบอร์ด ป.ป.ท.ให้ส่งสำนวนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลโยงใยไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
พ.ท.กรทิพย์ระบุด้วยว่า หากรวม 56 ศูนย์ ที่สำนักงาน ป.ป.ท.ตรวจสอบพบความผิด คาดว่าจะพบผู้ร่วมกระบวนการมากถึง 200 คน โดยมีระดับ ผอ.ศูนย์ของทุกศูนย์ร่วมอยู่ด้วย ส่วนจังหวัดที่ยังไม่ปรากฏความผิดนั้น คือ สิงห์บุรี ปราจีนบุรี และนครศรีธรรมราช ซึ่งป.ป.ท.กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบซ้ำอยู่
เลขาฯ ป.ป.ท.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ท.ได้ประสานขอความร่วมมือไปยัง กอ.รมน.จังหวัดนครพนม และจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ความคุ้มครองพยาน โดยเฉพาะในจังหวัดนครพนม ที่มีพยานรู้สึกไม่ปลอดภัยหลังจากถ่ายคลิปการกระทำความผิดเป็นหลักฐาน ซึ่งป.ป.ท.ต้องทำให้ประชาชนอุ่นใจ และมั่นใจว่าการดำเนินการเรื่องนี้พยานจะไม่ได้รับเภทภัยใดๆ จากการที่ออกมาเปิดโปงผู้กระทำความผิด ส่วนความเคลื่อนไหวของผู้กระทำความผิดที่จะเข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐานในบางจังหวัดนั้น ป.ป.ท.ได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวอยู่ แต่ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่งว่า เท่าที่ทราบข้อมูลที่ ป.ป.ท.ส่งมา จะเป็นข้อมูลของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ระดับ 8 ลงไป ส่วนหากจะมีข้อมูลเชื่อมไปสูงกว่านั้น ทาง ป.ป.ท.น่าจะส่งข้อมูลไปยัง ป.ป.ช.ดำเนินการ
ด้านนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 เม.ย.ทาง ป.ป.ท.ได้ส่งข้อมูลรายชื่อข้าราชการพนักงานนสังกัด พม. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการทุจริตเงินสงเคราะห์ให้ พส.พิจารณาดำเนินการตามกระบวนการแล้ว ทั้งหมด 96 รายชื่อ ซึ่งยังไม่ได้ดูในรายละเอียด แต่เข้าใจว่าน่าจะมีบางส่วนสอดคล้องกับที่ พส.ดำเนินการ ทั้งสั่งพักราชการและสอบวินัยไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ภายในวันที่ 9 เม.ย.นี้ จะทราบผลว่าจะต้องพิจารณาสั่งย้ายและสอบวินัยใครเพิ่ม รวมถึงกรณีก่อนหน้านี้ที่ ป.ป.ท.ได้ระบุผ่านสื่อว่าขอให้สั่งย้ายผู้บริหารศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 4 จังหวัด เนื่องจากไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |