ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากนโยบายล็อกดาวน์ และการปิดน่านฟ้า ซึ่งเดิมโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยนั้นพึ่งพาเงินจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่หลังจากเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น เม็ดเงินท่องเที่ยวที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนั้นวางเป้าหมายเอาไว้ที่ 3.18 ล้านล้านบาท คงไม่สามารถจะทำได้อย่างแน่นอน
ลองประเมินดูการที่เม็ดเงินหายไปจากระบบ ซึ่งตีคร่าวๆ 30-40% ก็เท่ากับมีเม็ดเงินที่หายไปนับล้านล้านบาท ซึ่งเดิมเงินจำนวนนี้จะต้องกระจายลงไปตามธุรกิจต่างๆ ของการท่องเที่ยว แต่พอเงินหายไป ก็ย่อมกระทบกับสภาพคล่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม
จะเห็นได้ว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีโรงแรงขนาดใหญ่หลายแห่งประกาศปิดตัวชั่วคราว หรือบางแห่งประกาศปิดกิจการ และให้พนักงานลาออกกันเลยทีเดียว
แน่นอนปัญหาของธุรกิจโรงแรมนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเติมเม็ดเงินเท่านั้น แต่มันต้องมีการเปิดให้มีคนต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวด้วย ซึ่งหากการระบาดของไวรัส ยังไม่มีข้อยุติในเร็วๆ นี้ ย่อมจะสะเทือนไปยังกิจการโรงแรมของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสมาคมโรงแรมได้ร่วมหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมมีข้อเรียกร้อง 7 ข้อให้รัฐบาลดำเนินการ ประกอบไปด้วย 1.กระตุ้นให้ธุรกิจกลับมาเร็วที่สุด ขอให้รัฐบาลจัดงบประมาณประชุมสัมมนาของภาครัฐ โดยใช้โรงแรมที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก
2.ขอให้รัฐบาลเข้มงวดกับโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม 3.ขอให้มีมาตรการทางภาษี สนับสนุนการลงทุน เพื่อพัฒนามาตรฐานของโรงแรม ให้โรงแรมสามารถนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนไปหักภาษีได้ 3 เท่า 4.ขอเลื่อนการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นปลายปี และขอส่วนลดในช่วงที่มีการปิดกิจการชั่วคราว 5.เรื่องการจ่ายเงินชดเชยการว่างงานของสำนักงานประกันสังคม 6.การเปิดน่านฟ้า เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขอให้ไม่ใช้มาตรการกักตัว 14 วัน 7.ขอให้จัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สำหรับข้อมูลของโรงแรมในประเทศทั้งหมด
แน่นอนนี่ย่อมเป็นแนวทางที่ทางเอกชนต้องการ แต่ภาครัฐจะทำตามข้อเรียกร้องหรือไม่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย และศักยภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย
ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ บรรดาโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งที่ผ่านมาก็เจอเทคโนโลยีแบ่งปันห้องเช่ามาดิสรัปต์แล้ว ยังต้องโควิด-19 ซ้ำสอง ทำให้หลายบริษัทเลยจะประคองธุรกิจไม่ได้ และจำเป็นต้องประกาศขายโรงแรม เพื่อรักษาชีวิต
ซึ่งประเด็นนี้มีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากสถานการณ์ของธุรกิจโรงแรมนั้นบีบคั้นมาก อาจจะส่งผลให้จำใจตัดขายโรงแรมในราคาที่ต่ำและถูก ต่างชาติใช้โอกาสนี้กว้านซื้อมาเป็นของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นสุดท้ายธุรกิจโรงแรมของไทยจะตกไปอยู่ในมือของต่างชาติ
ล่าสุด ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ก็หารือกับทางรัฐบาล ในการผลักดันกองทุนรับซื้อหุ้นโรงแรม เพื่อรักษาสถานะให้โรงแรมยังเป็นของคนไทยต่อไป และกองทุนนี้จะต้องไม่หวังในการเป็นเจ้าของ แต่เพียงแค่ช่วยประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์ช่วงนี้ไป และต้องเปิดโอกาสให้เจ้าของเดิมกลับมาซื้อหุ้นคืนได้
แนวทางนี้จะช่วยให้ ธุรกิจโรงแรมยังคง อยู่คู่กับคนไทยไปอีกนานแสนนาน ไม่ปล่อยให้ต่างชาติใช้นอมินีมาครอบครองเป็นอันขาด.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |