ใจเย็ลล์ล์ล์ๆ-หายใจยาวว์ว์ว์ๆ


เพิ่มเพื่อน    

     นางสงกรานต์ปีนี้...ดูจากชื่อเสียงเรียงนามและกิริยาท่าที ท่านคงไม่ถึงกับออกไปทางน่าสยดสยอง น่าขนลุกขนพอง ซักเท่าไหร่ แถมดูน่ารัก น่าประทับใจ อยู่พอสมควรเหมือนกัน คือเสด็จมาบนหลังนกยูง ที่มีสีสันพรรณรายสวยสด งดงาม ทัดดอกผักตบชวา (ดอกสามหาว) เอาไว้ข้างหู แม้หัตถ์ขวาจะทรงจักร หัตถ์ซ้ายถือตรีศูล แต่ต้องถือว่าเป็นอาวุธระดับพระนารายณ์ ที่ผู้ทรงธรรม เที่ยงธรรมเท่านั้น ถึงจะมีเอาไว้ใช้...

                                                                 --------------------------------------------------

     ต่างไปจากนางสงกรานต์บางปี...ที่แค่ได้ยินชื่อเท่านั้น ก็ปัสสาวะหด ตดหาย ช่องระบายลมผ่านแทบไร้กล้ามเนื้อหูรูดเอาเลยก็ว่าได้ อย่างเช่น พระนาง รากษสเทวี ที่ฟังแล้ว ออกไปทางคล้ายยักษ์ คล้ายมาร แถมเห็นว่า ภักษาหาร ท่านยังเป็น โลหิต แท้ๆ ซะอีกต่างหาก หรือพระนาง โคราคะเทวี ที่กระเดียดไปทางโลภะ โทสะ โมหะ ราคะ อะไรประมาณนี้ อีกทั้งยังเสด็จมาบนหลังเสือ หรือหลังพยัคฆา ซึ่งแม้ตัวท่านอาจไม่ถึงกับเหี้ยมโหด ไร้ปราณี แต่ตัวพาหนะที่นำพาท่านเสด็จลงมา ก็อาจขบเขี้ยว เคี้ยวหัว มนุษย์อุจจาระเหม็นทั้งหลายเอาง่ายๆ หรือแม้แต่พระนาง กิริณีเทวี ที่บางรายออกชื่อเป็น กาลกิณีเทวี ไม่เพียงแค่ชื่อก็สามารถสร้างความหวาดหวั่น ขวัญผวา ได้ตามสมควร แต่การที่พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน ไม่ว่าจะเป็นเอ็ม 16 หรืออาร์ก้าก็แล้วแต่ แต่ดันนั่งหลับมาบนหลังช้างซะอีกต่างหาก อันอาจส่งผลให้แม้แต่ผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เผลอๆ ถูก ลูกหลง ได้เสมอ...

                                                              ----------------------------------------------------

     ด้วยเหตุนี้...สำหรับนางสงกรานต์ปีนี้ ผู้มีนามกรว่าพระนาง มโหธรเทวี โดยสีสัน บรรยากาศ ทาง ความเชื่อ จึงน่าจะเป็นไปในลักษณะสดใส ซาบซ่าน พอสมควร และถ้าดูจากคำประกาศพยากรณ์ ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้เล่าแจ้ง แถลงไข ไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็น่าจะเป็นไปในแนวนั้น คือทำนายไว้ประมาณว่า... ข้าวกล้าในนาจะได้ผล 9 ส่วน เสียหายเพียง 1 ส่วน ธัญญาหาร ข้าว ปลา จะบริบูรณ์ ปวงประชาจะอยู่เย็นเป็นสุข ว่าซั่น ส่วนสุดท้ายแล้ว...จะจริง-ไม่จริงไปตามนั้น อันนี้คงต้องอาศัย ข้อมูล และ ข้อเท็จจริง เข้าไปเป็นองค์ประกอบไว้ด้วย จะเอาแค่ความเชื่อ ล้วนๆ เพียงอย่างเดียว คงไม่ถึงกับถูกเรื่องซักเท่าไหร่นัก...

                                                            -------------------------------------------------------

     แต่ก็นั่นแหละ...โดย ข้อมูล-ข้อเท็จจริง ก็คงไม่ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัว อะไรจนเกินไป แม้ว่าแนวโน้มของโลกทั้งโลก ในช่วงนี้จะมีทั้ง สงครามทางการทูต และ สงครามทางการค้า กรูเข้ามาในแบบทวินแอคชั่น แต่สงครามทางการทูตนั้น...ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา คงแทบไม่ต้องไปเกี่ยวอะไรด้วย เพราะเป็นสงครามทางการทูตระหว่างฝรั่งกับฝรั่งซะเป็นหลัก คือระหว่างอเมริกาและพันธมิตรในยุโรปกับรัสเซีย ที่อยู่ไกลบ้าน ไกลช่องของเรา ไปไม่รู้กี่โยชน์ต่อกี่โยชน์ ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ มากมายเกินไปนัก...

                                                               -----------------------------------------------------

     ส่วน สงครามทางการค้า นั้น...อาจน่าปวดเศียร เวียนเกล้า อยู่ซักหน่อย แต่ถ้าหากพยายามมองโลกให้สวยๆ เข้าไว้ แบบเช่นบรรดาพวกนักวิจัยแห่งศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย ที่ออกมาคาดเดาทำนายแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเมื่อไม่กี่วันนี้ ก็ดูจะไม่ถึงกับวิตก ทุกข์ร้อน กับ สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ มากมายซักเท่าไหร่ แถมยังปลอบอก ปลอบใจ เอาไว้อีกต่างหาก ว่า ไม่น่าจะลุกลาม บานปลาย กลายเป็นสงครามการค้าแบบของจริง-ของแท้ ประมาณนั้น ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยเขาจึง ฟันธง อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจประเทศไทยเอาไว้ที่ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ แม้ไม่ถึงกับเว่อร์ขึ้นไปถึงระดับ 4 กว่าๆ หรือ 5 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่ใครต่อใครเคยหวังๆ กันเอาไว้...

                                                             ---------------------------------------------------------

     สำหรับเหตุการณ์ภายในไม่ว่าจะออกไปในแนวไหน แต่เมื่อได้มี บุพเพสันนิวาส เข้ามาเป็นตัวช่วย ปวงประชาก็ดูจะอยู่เย็นเป็นสุขไปตามสภาพ คือแค่มีโอกาสได้ดู พี่ขุนหมื่น กับ แม่นางการะเกด ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็ดูจะพลั่กๆๆ กันไปตามสมควร หรือถ้าหากยังได้ สวมเสื้อชูชีพดูละครบุพเพสันนิวาส ต่อไปเรื่อยๆ ดังที่ อาจารย์แก้ว-แก้วสรร อติโพธิ ท่านชี้แนะเอาไว้ ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาไปคิดถึง นายสงกรานต์ ผู้ที่พระหัตถ์ซ้ายทรงนาฬิกาข้อมือร่วมๆ 20 กว่าเรือน สูงขึ้นมาถึงต้นพระแขน พระนิ้วนางข้างขวาทรง แหวนแม่ อะไรต่อไปอีกแล้ว บรรยากาศการบ้าน การเมือง มันเลยไม่ถึงน่าเกลียด น่ากลัว น่าอึดอัด ทรมาน มากมายซักเท่าไหร่ คือน่าจะพออยู่ๆ กันไปได้ รอวันเวลา เลือกตั้งที่รัก มาถึงเมื่อไหร่ ค่อยไป บ้า กันอีกที...

                                                           -------------------------------------------------------------

     สรุปรวมความแล้ว...ด้วย เงื่อนไข-เหตุปัจจัย ในช่วงระหว่างนี้ ก็อย่าถึงกับต้องไปปล้ำเนื้อ ปล้ำตัว ออกเรี่ยว ออกแรง อะไรกันมากมาย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันยังไม่ถึงกับ สุกงอม อะไรมากมายนัก คงต้องยาวว์ว์ว์ไปถึงสงกรานต์ปีหน้าโน่นแหละ ที่อะไรต่อมิอะไรมันถึงจะทำปฏิกิริยา แสดงปฏิสัมพัทธ์ระหว่างกันและกัน แบบชัดๆจะจะ ส่วนมันจะออกไปทาง ผลบวก หรือ ผลลบ ก็ขึ้นอยู่กับบรรดา ตัวละคร ทั้งหลาย ที่โลดแล่นอยู่บนเวที อยู่ในฉากสถานการณ์ขณะนี้ ไปจนถึงในอนาคตเบื้องหน้า ไม่ว่าใครดี-ใครไม่ดี ใครเล่นเป็นพระเอก ตัวโกง เป็นนางร้าย หรือเป็นดาวตลกก็ตามที แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังให้มากๆ เข้าไว้ ก็คือ อย่าออกไปทาง สุดโต่ง โดยเด็ดขาด!!! ยึด ทางสายกลาง หรือ มัชฌิมาปฏิปทา ให้หนักๆ เข้าไว้นั่นแหละดี เพราะ แรงสวิง ที่มันสะสมอยู่ในสังคมไทยนับเป็นทศวรรษๆ มาโดยตลอด โอกาสที่มันจะนำไปสู่การหักโค่น แบบพลิกฟ้า-คว่ำดิน ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ไม่ว่าสำหรับฝ่ายใด กลุ่มใด หรือพรรคใดก็ตาม...

                                                              --------------------------------------------------------------

     ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Rabindranath Tagore... Lifes journey is along unchartered path, when hills and hollows overtake us unaware.-ชีวิตเดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีการสำรวจแผนที่เอาไว้ล่วงหน้า เราหนีไม่พ้นต้องพานพบกับภูผาและหุบเหว โดยไม่รู้ตัว...

                                                                --------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"