10 พ.ค.63-นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความ เรื่องวิกฤตโควิด : โรคระบาด – เศรษฐกิจหลอมละลาย – ม็อบลุกฮือ
ถาม เห็นด้วยหรือไม่ ที่ฝ่ายค้านจะให้เลิกภาวะฉุกเฉิน เพื่อปลดปล่อยการทำมาหากิน
ตอบ ไม่เห็นด้วยครับ เฟส ๒ นี้เราต้องมุ่งปลดปล่อยการทำมาหากินก็จริง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีอำนาจควบคุมกิจการ – กิจกรรมต่างๆ เพื่อควบคุมโรคอยู่ด้วย
ถาม ควบคุมแค่ไหน
ตอบ คุมหลักๆเท่านั้นคือการเข้าประเทศและห้ามกิจกรรมหรือกิจการที่มีการชุมนุม แล้วถ้าพบผู้ติดเชื้อเมื่อใดต้องมีอำนาจเต็มพร้อมทรัพยากรในมือ ตรวจ-ติดตาม-กักตัว กลุ่มเสี่ยงได้เต็มที่ ห้ามแค่นี้นะครับ ที่เหลือเป็นแดนเสรีภาพที่ห้ามไม่ได้ ได้แต่กำกับคือวางข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยเท่านั้นทั้งร้านค้า ห้าง ตลาด เรากำกับไว้ก็พอ
ถาม ทำไมนายกฯต้องกั๊กไว้ แล้วสั่งให้เปิดเป็นขยักๆไป
ตอบ อันที่จริง พอกำหนดมาตรการควบคุมโรคในกิจการใดได้แล้วก็เปิดได้เลย เร็วช้าต่างกันได้ตามเวลาที่ต้องใช้เพื่อเตรียมการและทำความเข้าใจ ไม่ควรขยักหรือกั๊กไว้เฉยๆ เพื่อรอดูทางมวยโควิดก่อน คิดแบบการ์ดอย่าตกอย่างนี้ผมไม่เห็นด้วย
๒ เดือนที่ผ่านมาถูกต้องแล้ว ดีแล้ว ที่เราอยู่บ้านหยุดเชื้อ จนหยุดการระบาดใหญ่ไว้ได้ เฟส ๒ นี้เป็นไฟต์ฟื้นฟูทำมาหากิน ผู้ติดเชื้อโผล่มาบ้างก็ไม่ต้องหวาดกลัว เพราะโรงพยาบาลเราหลวมแล้ว อัตราตายจากโรคนี้ก็น้อยนิดเดียวไม่ใช่หรือครับ
ถาม วันนี้นายกฯ เขาจะให้เปิดห้างได้แล้ว
ตอบ เรื่องให้คนกรุงเดินห้างได้นั้นเรื่องเล็ก เราต้องมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวม อย่างเศรษฐกิจท่องเที่ยวที่ให้จีดีพีเศรษฐกิจไทยถึง ๓๐ % นี่ทรุดโทรมมากเลย วันนี้เราต้องใช้กำลังซื้อในประเทศมาต่อชีวิตให้ได้ ต้องเปิดให้ “ไทยเที่ยวทั่วไทย”อย่างเต็มที่เลย
ถาม ถ้าเช่นนั้น..ก็ต้องเลิกข้อห้ามเดินทางข้ามจังหวัด และให้เปิดโรงแรม รีสอร์ตต่างๆได้แล้ว
ตอบ ครับ...นี่คือเรื่องด่วน เมื่อวางมาตรการควบคุมโรคในกิจการกิจกรรมต่างๆได้แล้ว ก็เร่งเปิดได้เลย เรื่องยกเลิกข้อห้ามเดินทางข้ามจังหวัดนี้ สำคัญกว่าเปิดห้างให้คนรวยเดินเล่นเย็นใจเสียอีก
ถาม ทั้งเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ นี่ รัฐบาลเขามีแผนฟื้นฟูแล้วหรือไม่
ตอบ ก็รอดูกันอยู่ทุกฝ่ายว่าจะเริ่มกระบวนการอย่างไร ต้องมีข้อมูลจริง มีวิสัยทัศน์ มีกลยุทธ์ มีการมีส่วนร่วม และการจัดการการสื่อสารขนาดใหญ่ และกว้างขวางมาก ซึ่งปัจจุบันผมยังมองไม่เห็นเค้ามูลของงานนี้
ถาม ถ้ามัวแต่คอยเปิดร้าน เปิดห้างแล้วหันไปมองทางมวยโควิดเป็นระยะๆไปอย่างนี้ อะไรจะเกิดขึ้น
ตอบ ขณะนี้ความเสียหายกำลังทยอยปรากฏตัวเป็นวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนตกงาน หางานกันไปทั่วแล้ว ถ้าเราสร้างความหวังใหม่ขึ้นมาไม่ได้ ความร้อนทางการเมืองจะพลุ่งพล่านขึ้นมาร่วมวงเกิดเป็นวิกฤตการเมืองทันที เจอวิกฤตสองเด้งอย่างนี้เมืองไทยก็ไปไม่รอด ร่วงลงมาเป็นบ้านเมืองที่สิ้นหวังไร้อนาคตเหมือนฟิลิปปินส์หลังมาร์คอสเลยทีเดียว
มีคนเข้าคิวรอจังหวะกันมากทีเดียว คุณไม่เห็นหรือ
ถาม จังหวะอะไรครับ
ตอบ ชนวนลุกฮือของมวลชนอยู่ที่ความโกรธ ความสิ้นหวัง ผู้ก่อการที่เล็งเห็นว่าวิกฤตเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนเข้ามา เขาก็จะต้องสร้างจำเลยที่มีฤทธานุภาพและเลวร้าย ให้มวลชนเห็นเป็นจำเลยเสียก่อน เอาให้เป็นจำเลยที่ชั่วและแสบมากๆ พอที่จะรับเหมาในเคราะห์กรรมทั้งปวงในบ้านเมือง เหมือนยิวของนาซี หรือชนชั้นนายทุนของคอมมิวนิสต์ เลยทีเดียว
ถาม บ้านเราเขาจะให้ใครเป็นจำเลย
ตอบ ก็ใช้สูตรเดิมคือขุนศึกและศักดินา ทุกวันนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเขาลงมือกระพือแล้ว เปรยถึงขนาดจะให้พักบัลลังก์เลยทีเดียว
พอได้ความคิดแล้ว ก็ต้องไปที่การจัดตั้ง และความเคลื่อนไหวต่อไป ซึ่งวันนี้ก็เห็นชัดว่าเริ่มเป็นโครงข่ายแล้วเช่นกัน
ถาม แล้วคิดหรือว่า จะไปได้ไกลแบบปฏิวัติฝรั่งเศส
ตอบ ถ้าเศรษฐกิจมันฟุบ ภาพผู้นำทั้งในและนอกระบบชัดเจนว่าเฮงซวยยิ่งนัก เท่านี้เงื่อนไขมันก็สุกงอมเอื้ออำนวยให้โบกธงปฏิวัติได้แล้ว ผู้นำมวลชนพวกนี้เขารอแค่โอกาสเท่านั้น จะสำเร็จหรือไม่ไม่สำคัญ เขายึดมั่นว่าความพยายามเป็นของคน ความสำเร็จเป็นของกงล้อประวัติศาสตร์ คำถามเหมือนผู้ชมเกาะรั้วอยู่นอกสนามของคุณนั้น มันงี่เง่าไร้สาระไม่มีความหมายใดๆสำหรับเขาเลย
เชิญปิดไฟใส่กลอน นอนหยุดเชื้อ บ่นอยู่กับบ้าน ฟังเพลงลุงตู่ต่อไปเถิด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |