5 เม.ย. 61 - นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวว่า วันนี้ (5 เม.ย.) นางรจนา สนที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ระดับ 8 ไม่ได้เข้ามาให้ปากคำหรือข้อมูลใดๆ หลังจากที่คณะกรรมการสืบฯ ได้ส่งหนังสือเชิญมาให้ปากคำ ซึ่งทางคณะกรรมการสืบฯ ก็ไม่ได้วิตกกำลังวล แม้ว่านางรจนาจะไม่มาให้ปากคำ เนื่องจากข้อมูลและเอกสารต่างๆ ที่มีอยู่ ถือว่าสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่หากนางรจนาเข้ามาให้ข้อมูลก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง
ทั้งนี้ในส่วนของผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับการโอนเงินจากนางรจนานั้น ขณะนี้มีการติดต่อมาที่คณะกรรมการสืบฯ เพื่อขอเข้ามาให้ข้อมูลในช่วงระหว่างวันที่ 6-8 เม.ย.นี้ โดยคนหนึ่งเป็นข้าราชการระดับ 8 สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และอีกคนเป็นข้าราชการของกรมที่ดิน ซึ่งเข้าใจว่าทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนที่เรียนร่วมกับนางรจนามาในระดับปริญญาโท ซึ่งเบื้องต้นทั้งสองรายยอมรับว่าได้รับการโอนเงินจริง และพร้อมจะนำหลักฐานต่างๆ มาให้คณะกรรมการสืบฯ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนต่อไป
นอกจากนี้ในวันที่ 10 เม.ย.จะหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวนและกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการสืบฯ อาจจะต้องขอขยายระยะเวลาในการสืบข้อเท็จจริงไปอีก 15 วัน เนื่องจากขณะนี้มีเอกสารหลักฐานและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอดีตปลัด ศธ. ได้ขอเลื่อนการส่งเอกสารชี้แจงในเรื่องดังกล่าวด้วย
นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีจดหมายเปิดผนึก ที่อ้างว่านางรจนาเป็นผู้เขียนนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะใช่นางรจนา พิมพ์เอง เพราะเท่าที่ตนสืบข้อเท็จจริงเอกสารต่างๆ ของนางรจนา ส่วนใหญ่จะใช้ฟรอนท์อังสนา แต่ตัวอักษรในจดหมายเปิดผนึกเป็นฟรอน์ไทย-สารบัญ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ามีใครแอบอ้างใช้จังหวะนี้ เพื่อการเกาะแสก็เป็นได้ ดังนั้น ตนจะเก็บจดหมายเปิดผนึกชิ้นนี้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 14.00 น. มีผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างนำซองเอกสารสีน้ำตาลจ่าหน้าซองถึงห้องสื่อมวลชน ศธ. ภายในซองเป็นจดหมายเปิดผนึก มีใจความระบุว่า กราบเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดิฉันนางรจนา สินที อดีตข้าราชการสำนักงานปลัด ศธ.ระดับชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ “กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต” ที่กำลังโด่งดังขณะนี้ เพราะถูกพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรงโดยถูก “ไล่ออกจากราชการ” แล้วนั้น
ทั้งนี้การเขียนจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ ดิฉันจะไม่เรียกร้องความเห็นใจใดๆ เพราะถือว่ายอมรับทุกประการกับผลกรรมที่ได้กระทำลงไปที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการ แต่มีประเด็นที่จะกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อจะเป็นบทเรียนสังคมต่อไป ดังนี้ 1.ประเด็นเพื่อพิจารณา คือ การพิจารณาโทษทางวินัยของดิฉันที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการอย่างเร่งรีบ รวบรัด การตั้งคณะกรรมการไม่ได้แจ้งคำสั่งเป็นเอกสาร มิได้ให้เวลาดิฉันชี้แจงแม้แต่จำนวนเงินที่เสียหายก็ยังไม่มีข้อยุติ โดยใช้เวลาไม่ถึงเดือน (28 ก.พ.-26 มี.ค.2561) เพื่อลงโทษทางวินัย ทั้งนี้การพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรง ดังกรณีนี้หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อทางราชการและกระทำโทษโดยถูกต้องชอบธรรมแล้ว ขอได้โปรดสั่งการกำชับ เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานดำเนินการ “ทางวินัย” แก่ข้าราชการที่กระทำความผิดทุกระดับอย่างเท่าเทียม เพื่อเป็นบรรทัดฐาน ดังเช่นที่ดำเนินการกับดิฉันจักได้ไม่เป็นที่ครหาสืบไป พร้อมขอเป็นกำลังใจให้นายกฯในการต่อสู้กับการทุจริตคอรัปชัน โดยเฉพาะกับผลการวิจัยและสำรวจหลายสถาบันชี้ว่า “มีการทุจริตในงบประมาณของประเทศทุกๆปี เฉลี่ยปีละ 5-30% คิดเป็นการสูญเสียกว่าปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท และยังมีการรั่วไหลของเงินแผ่นดินอีกจำนวนมาก รัฐบาลนี้หรือทุกรัฐบาลต้องจัดการตรวจสอบแก้ไขต่อความเสียหายอย่างนี้ให้ยุติ “มิใช่” เกิดกระแสไฟไหม้ฟางหรือเพียงการ “จัดงานอีเวนต์” รณรงค์สร้างภาพเท่านั้น
นอกจากนี้ในจดหมายเปิดผนึกยังระบุอีกว่า ส่วนประเด็นฝากถึงสังคม ขอความกรุณานายกรัฐมนตรีได้โปรดเร่งรัด จัดการให้ทุกหน่วยงานที่มีปัญหาการทุจริตทุกงาน ทุกโครงการ ไม่ว่ามูลค่าความเสียหายจะเท่าไหร่ จักต้องดำเนินการหาคนผิดมาลงโทษ มารับผิดชอบและขอให้สังคมเฝ้าติดตาม เพราะบางคดีเกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้ว แต่เกิดความล่าช้า หาคนผิดไม่ได้และบางคดีอาจลืมหายไปอาทิ 2.1คดีในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายคดีความเสียหายหลายพันล้านบาท
2.2 คดีการก่อสร้างสนามฟุตซอลทั่วประเทศความเสียหายหลายร้อยล้านบาท 2.3 โครงการไทยเข้มแข็งของ อาชีวศึกษาเสียหายหลาพันล้านบาท 2.4 ความเสียหายการสร้างอควาเรียม สงขลา เสียหายกว่าพันล้านบาท 2.5ความเสียหายโครงการ MOE NET ศธ. เสียหายกว่า 3,000 ล้านบาทความเสียหาย 2.6 โครงการซีซีทีวีใต้เสียหายกว่า 400 ล้านบาท 2.7 โกงเงินธนาคารกรุงไทยเสียหายเป็นหมื่นล้าน 2.8ผลาญงบพัฒนาเมืองโบราณ (บางแห่ง) เสียหายเป็นพันล้านบาท 2.9 ทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (สะสม) เสียหายเป็นหมื่นล้านบาท 2.10 ทุจริตโครงการตำบลละ 5,000,000 บาท เสียหายหลายพันล้านบาทความเสียหาย 2.11 โครงการจำนำข้าวทุกรัฐบาลเสียหายหลายแสนล้าน 2.12 โครงการโกงเงินคนจน ในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ซึ่งเกิดขึ้นแทบทุกที่ซึ่งเป็นข่าวก่อนเรื่องของดิฉันเป็นความเสียหายจำนวนมากและกระทบกับคนด้อยโอกาสมากมายมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องก็ยังหาคนผิดไม่ได้แม้แต่รายเดียว
ทั้งนี้แม้โครงการที่มีความเสียหายที่ คสช. รัฐบาลนี้ใช้อำนาจโดยผ่านม.44 ในระยะเวลา3-4 ปี มานี้บางโครงการมีมูลค่าความเสียหายมหาศาลผู้กระทำความผิดจำนวนมากแต่หาคนผิดมาลงโทษได้กี่ราย หรือแม้แต่โครงการมาหาโปรเจ็คที่รัฐเสียหายหลักพัน-หมื่น-แสนล้าน หากสามารถเร่งรัดหาคนผิดมาลงโทษได้ภายในไม่กี่ไม่ถึงเดือน
"ดังนั้นกรณีของดิฉันจะทำให้สังคมและบ้านเมืองได้รับประโยชน์ คนกระทำผิดจะได้เกรงกลัว ขอท่านนายกโปรดอย่าลืม หากกรณีนี้เป็นเหตุให้เกิดปรากฏการเร่งรัดเอาผิด เพื่อนำผู้กระทำผิดมารับโทษทันได้โดยเร็วและเป็นธรรม ก็ขอภาวนาให้เกิดผลกับทุกคดีทุกหน่วยงานเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติและเป็นบทเรียนสำคัญให้สังคมติดตามต่อไป ดิฉันขอยืนยันว่าจะยินดีรับในผลที่กระทำจะไม่หนีและพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของแผ่นดินต่อไป"
จดหมายฉบับนี้ดิฉันขอฝากกราบขอโทษต่อคุณแม่ซึ่งอายุมากแล้ว ขอโทษญาติพี่น้องคนใกล้ชิดทุกคนที่ดิฉันได้สร้างตราบาปในชีวิตให้กับพวกเขาเหล่านั้น ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่เคยรับรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยตลอดทั้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานที่ทำให้เสื่อมเสียมาสู่องค์กรซึ่งดิฉันอาจให้เวลากับหน้าที่การงานมากเกินไปจนลืมว่าเวลาของดิฉันนั้นสั้นนัก คำพูดที่สะเทือนใจแต่ทำให้ดิฉันสำนึกได้มากที่สุดคือลูกชายอายุ 30 กว่าปี พูดว่าเกิดเรื่องแม่ติดคุกก็ดีแม่จะได้พักผ่อน เพราะที่ผ่านมาแม่ไม่เคยได้หยุดพัก ทำแต่งาน
ท้ายนี้หากชีวิตที่ผ่านมา 59 ปี ดิฉันได้สร้างปัญหาก่อกรรมทำบาปไว้ก็ขอน้อมรับไว้แต่หากการกระทำของดิฉันประกอบ คุณประโยชน์และความดีเป็นกุศลดิฉันก็ขอน้อมมอบให้แก่ชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ที่ดิฉันยึดมั่นเคารพรักและขอมอบอุทิศให้แม้ชีวิตเพื่อแผ่นดินไทย
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง รจนา สินที ลงวันที่ 5 เมษายน 2561.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |