ดูเหมือนว่าดราม่าครั้งนี้จะยังไม่จบลงง่ายๆเสียแล้ว สำหรับกรณีที่มีชาวเน็ตรายหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ “น้องธารา” ลูกชายของคุณแม่ “ชมพู่ ก่อนบ่าย” ธัณย์สิตา สุวัชราธนากิตติ์ และคุณพ่อบอย-วัชรพงศ์ พลเมืองดี ด้วยถ้อยคำว่า หน้าแก่ตั้งแต่เด็ก จนเป็นเหตุให้ตลกสาวชื่อดังต้องแคปภาพข้อความดังกล่าวมาโพสต์ลงในอินสตาแกรม แต่ชาวเน็ตคนดังกล่าวก็ยังไม่ยอมหยุด ยังตามมาคอมเมนต์อีก ล่าสุด ชมพู่ ควงสามีหนุ่มบอย และลูกชายตัวน้อย น้องธารา มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow

ประเด็นดราม่าเป็นยังไงเล่าให้ฟังหน่อย?
          ชมพู : สืบเนื่องจากช่อง YouTube ที่ทำก็พาไปกินไปเที่ยว แล้วหลังหลังพอมีธารา เราก็เน้นเรื่องของธารา ปกติไม่มีอะไรดราม่า แต่พี่คนนี้อยู่ๆเข้ามาคอมเมนต์ ว่าลูกเกิดมาก็แก่ปั๊บเลยเหรอ เราเห็นครั้งแรกไม่รู้สึกอะไรเลยขำ แล้วเรามามองอ่านชื่อแล้วก็มาโพสต์ลงในอินสตาแกรมว่างงใจทำไมคอมเมนต์แบบนี้กับเด็ก เพื่อนๆก็เข้ามาช่วยถล่มเต็มเลย แล้วแฟนๆก็จะช่วยสืบ วันนั้นคอมเมนต์เกือบ 500 คอมเมนต์ เดี๋ยวเรื่องใหญ่โต เราเป็นห่วงเขา มีลูกมีเต้าไหม กลัวจะเข้าไปวุ่นวายในชีวิตของเขาจนเขาอยู่ในสังคมไม่ได้ กลัวโดนเยอะ หนูก็เลยลบทิ้ง แล้วก็ลงคลิปลูก แล้วบอกว่าลบดราม่าทิ้งนะ มาดูลูกดีกว่า เราก็กะให้ต่างคนต่างอยู่ให้มันจบๆไป

แล้วบอยพอเห็นคอมเมนต์แบบนี้รู้สึกยังไง?
          บอย : ตอนแรกผมยังไม่เห็น สักพักชมพู่ก็บอกว่ามีคนมาว่าลูกเรานะ ผมก็เลยเข้าไปดูในไอจีของชมพู่ ตอนแรกเราเป็นพ่อ เป็นแม่ก็มีโมโหบ้าง แล้วมานั่งคิดอีกมุม เราให้อภัยดีกว่า แล้วเอาคำที่เขามาด่าเราไปสอนลูกว่าต่อไปลูกโตขึ้นอย่าเบียดเบียนใครอย่างนี้นะ

พอลบเสร็จแล้วก็ยังไม่จบ?
          ชมพู่ : ตอนแรกคิดว่าจะจบ มีเข้ามาระรอก2 หลังจากลบ เราพิมพ์ไว้ด้วยนะเราให้อภัย ขำๆ นางก็เข้ามาต่อกับคำที่รุนแรงขึ้นบอกว่าหน้า...ลูกบะหมี่ อีลูกคนขายบะหมี่ แล้วไปท้าคนที่เข้ามาด่าเขาในคอมเมนต์ให้ไปทัวร์ลงเขา เขาบอกเขารออยู่ เมื่อไหร่ทัวร์จะไปลงเขา แล้วก็ไปตามด่าคนนั้น คนนี้ ไม่หยุด

แล้วแฟนคลับเรามีการตอบโต้อะไรไหม?
          ชมพู่ : แล้วพอเห็นอันนี้ปุ๊บ แบบทำไมอะคนนี้เขาเป็นอะไรหรือเปล่า เราก็เลยแคปอีกหนึ่งรอบแล้วเอามาลง ถ้าอ่านคำพูดที่ชมพู่เอามาลงในอินสตาแกรมก็ยังลงขำๆเหมือนเดิม แบบถ้าครอบครัวเราไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจก็ขอโทษแล้วกัน ถ้าคุณไม่ชอบเราจริงๆ เลิกติดตามช่องเราไปเลยก็ได้ไม่เป็นไร อยู่กันแบบมีความสุขดีกว่า เราก็ลงไปประมาณนี้ หลังจากนั้นรอบสองที่รุนแรงขึ้น ทุกคนก็ยุเลยแจ้งความ คือถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้เจอกันโรงพักแล้ว คงอยู่สน.แล้ว พอประสบการณ์ที่มากขึ้น อายุที่มากขึ้น สิ่งต่างๆที่เราเจอมามันรู้สึกว่าไม่มีผลกระทบอะไรกับจิตใจเราเลย เรายิ่งอ่านยิ่งขำ ยิ่งสงสาร อยากให้อภัย อยากให้เขาเปลี่ยนวิธีคิด มุมมองของเขามากกว่า

กลัวไหมว่าเขาจะมาคุกคามวิธีอื่น?
          ชมพู่ : กลัวเหมือนกัน เพราะเราอยู่ในที่แจ้ง เขารู้ว่าหน้าเราเป็นยังไง แต่พยายามคิดว่าเขาคงไม่หนักขนาดมาดักรอ คิดว่าแค่ความสุขที่เขาได้พิมพ์ ได้ระบาย แค่นั้นแหละ

คิดว่าเรื่องนี้จบ?
          ชมพู่ : จบสำหรับเรา ก็ไม่ไปโรงพัก ไม่ไปแจ้งความ เรารู้สึกว่าถ้าคนที่เขาคิดดีๆ เขาคงไม่มาทำอะไรแบบนี้เราก็อยากให้เขารู้สึกตัวเองดีกว่าว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูก แล้วอยากให้เขาเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ก็แค่นั้นแหละ

บอยคิดเหมือนชมพู่ไหม?
           บอย : แรกๆ ก็มีโมโห อยากจะเอาเรื่องเหมือนกัน แต่พอฟังชมพู่ก็โอเคครับ ปล่อยวางดีกว่า

อยากจะบอกอะไรกับเขา?

          ชมพู่ : อยากให้เขาเปลี่ยนมุมมองความคิดในการใช้ชีวิตใหม่ อยากให้เขาอย่ามองคนในแง่ลบ อยากให้มองคนในแง่ดีและแง่บวก เชื่อสิชีวิตคุณจะมีความสุขมากกว่านี้อีก อย่างที่ชมพู่เป็น ชมพู่ฝากถึงคนที่โดนบูลลี่หรืออะไรก็แล้วแต่ คือถ้าเราโดนแบบนี้อยากให้ตั้งรับให้มั่น มีสมาธิ แล้วอย่าไปโกรธไปเกลียดเขา อยู่ในมุมของเราให้มีความสุข สิ่งที่จะทำให้คนเหล่านี้ทุกข์มากที่สุดคืออะไรรู้ไหม ก็คือฝั่งที่โดนพยายามทำตัวเองให้ดียิ่งขึ้น มีความสุขให้มากๆ นี่เขาจะทรมานไปเอง

          บอย : ผมอยากจะบอกให้เขาพอได้แล้ว เด็กยังใสบริสุทธิ์ คุณมีความคิดแบบนี้กับเด็กตัวแค่นี้มันก็จะสะท้อนถึงจิตใจของคุณเองว่าคุณเป็นคนยังไง ขอให้หยุดแล้วเปลี่ยนมุมมองดีกว่า