เผยหน่วยข่าวกรองเยอรมันตอกหน้ารัฐบาลทรัมป์ ชี้ทฤษฎีไวรัสโคโรนาจากแล็บจีนเป็นความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวของสหรัฐเอง ด้าน "จีน" หนุนอนามัยโลกสอบสวนการรับมือโรคระบาดครั้งนี้ แต่ต้องหลังสถานการณ์ยุติ 

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลของเขา รณรงค์กล่าวโทษจีนมานานหลายสัปดาห์ว่าอยู่เบื้องหลังความผิดพลาดที่ทำให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ตัวทรัมป์และไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ถึงกับกล่าวเองว่ามีหลักฐานว่าไวรัสนี้หลุดออกมาจากห้องแล็บไวรัสวิทยาในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่จีนยืนกรานปฏิเสธและย้ำว่าสหรัฐไม่มีหลักฐานจริงๆ 
    เมื่อวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563 นิตยสารแดร์ สปีเกล ของเยอรมนี รายงานว่า บันทึกช่วยจำภายในที่สำนักงานข่าวกรองระหว่างประเทศ บีเอ็นดี ของเยอรมนี จัดทำเพื่อนำเสนอต่ออัตเนเกรต ครัมป์-คาร์เรนเบาเออร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยอรมนี ก็แสดงความคลางแคลงต่อคำกล่าวหาของรัฐบาลสหรัฐเช่นกัน เนื้อหาในบันทึกช่วยจำนี้ระบุว่า คำกล่าวอ้างของสหรัฐเป็นความพยายามที่ผ่านการไตร่ตรองมาแล้วเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวของสหรัฐเอง
    เอกสารฉบับนี้กล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพยายาม "หันเหความสนใจจากความผิดพลาดของตัวเขา และโยนความโกรธของคนอเมริกันไปลงที่จีน" 
    ข่าวเอเอฟพีกล่าวว่า โฆษกกระทรวงกลาโหมเยอรมนีปฏิเสธจะยืนยันเรื่องบันทึกช่วยจำฉบับนี้ 
    รายงานของแดร์ สปีเกล และสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นดีอาร์ของเยอรมนี เผยด้วยว่า หน่วยข่าวกรองบีเอ็นดีของเยอรมนียังได้สอบถามสมาชิกในกลุ่มชาติพันธมิตรข่าวกรอง "ไฟฟ์อายส์" ที่ประกอบด้วย สหรัฐ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา และนิวซีแลนด์ เกี่ยวกับหลักฐานที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของสหรัฐ ซึ่งปรากฏว่าไม่มีหน่วยข่าวกรองของประเทศใดในนี้ที่สนับสนุนคำกล่าวหาของปอมเปโอ
    ขณะเดียวกัน แดร์ สปีเกล เผยว่า ทางการเยอรมนีก็วิจารณ์จีนเช่นกัน โดยอ้างถึงข้อมูลของบีเอ็นดีที่ระบุว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน กดดันทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 21 มกราคม เพื่อให้ดับเบิลยูเอชโอชะลอการประกาศข้อมูลการแพร่เชื้อจากคนสู่คนและออกประกาศเตือนการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ในระดับโลก "ตามการประเมินของบีเอ็นดี นโยบายด้านข้อมูลของจีนทำให้การต่อสู้กับไวรัสทั่วโลกเสียเวลาไป 4-6 สัปดาห์" สปีเกลกล่าวในรายงานที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์
    ด้านรัฐบาลจีน ซึ่งกำลังถูกทั่วโลกกดดันให้ยอมอนุญาตนานาชาติเข้าไปสอบสวนต้นกำเนิดของโรคระบาดนี้ประกาศว่า จีนสนับสนุนการทบทวนการตอบสนองของทั่วโลกต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ย้ำระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ว่า การสอบสวนนี้ต้องเปิดเผย, โปร่งใส และครอบคลุม โดยมีผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอเป็นผู้นำ และควรกระทำในเวลาที่เหมาะสมหลังจากการระบาดยุติลงแล้ว
    ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ถึงช่วงเย็นวันศุกร์ของไทย ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ยืนยันแล้ว 3,862,174 คน ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเกินแสนคน ได้แก่ สหรัฐมากที่สุด 1,256,972 คน, สเปน 221,447 คน, อิตาลี 215,858 คน, สหราชอาณาจักร 207,977 คน, รัสเซีย 187,859 คน, ฝรั่งเศส 174,918 คน, เยอรมนี 169,430 คน, บราซิล 135,773 คน, ตุรกี 133,721 คน และอิหร่าน 103,135 คน ส่วนจีน ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว ถึงขณะนี้ตัวเลขทางการมีผู้ติดเชื้อ 83,976 คน
    ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก 269,881 คน สหรัฐมากที่สุด 75,670 คน โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 2,448 คนใน 24 ชั่วโมง, สหราชอาณาจักร 30,689 คน, อิตาลี 29,958 คน, สเปน 26,070 คน, ฝรั่งเศส 25,990 คน, บราซิล 9,190 คน, เบลเยียม 8,521 คน, เยอรมนี 7,392 คน, อิหร่าน 6,486 คน, เนเธอร์แลนด์ 5,306 คน และจีน 4,637 คน
    ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด เมื่อวันศุกร์กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 768 ราย ทำให้ยอดรวมเป็น 21,707 รายแล้ว ผู้เสียชีวิตคงเดิมที่ 20 ราย, อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 336 คน ยอดรวมเป็น 13,112 คน และมีผู้เสียชีวิตอีก 13 คน ยอดเสียชีวิตรวม 943 คน, ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 120 คน ยอดรวมเป็น 10,463 คน และเสียชีวิตอีก 11 คน ยอดรวมอยู่ที่ 696 คน ส่วนมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 68 คน ยอดรวมเป็น 6,535 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเดิมที่ 107 คน.