ภาพสะท้อนตัวตน'ปิยะบุตร' หมกมุ่นสุมไฟวังวนเดิม!


เพิ่มเพื่อน    

     นาทีนี้ ชื่อนักการเมืองฝ่ายค้านที่ร้อนแรงติดลมบนที่สุด จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ภายหลังโดนตัดสิทธิทางการเมือง แต่ก็ยังคงอยู่ในสนามการเมืองในฐานะแกนนำของคณะก้าวหน้า โดยเจ้าตัวยังคงเดินหน้ารณรงค์ทางความคิด ตามที่เคยได้ลั่นวาจาเอาไว้อย่างต่อเนื่อง

            ทั้งในรูปแบบพอดแคสต์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul-ปิยบุตร แสงกนกกุล โดยชื่อว่า INTERREGNUM ที่แปลว่า “การเปลี่ยนผ่าน” ที่ตอนนี้มีมาทั้งหมดแล้ว 8 EP รวม EP 0

            สื่อดังกล่าว หากมองผิวเผินเป็นเพียงการให้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์ หรือการรณรงค์ทางความคิด ตามที่นายปิยบุตรเคยแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนตั้งแต่ก่อนที่พรรคอนาคตใหม่โดนยุบ

            แต่สิ่งที่ทำให้สื่อดังกล่าวถูกจับตาเป็นพิเศษคือ เนื้อหา โดยเฉพาะการยกเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเด็นที่นายปิยบุตรเชี่ยวชาญอย่างที่หลายๆ คนรู้กันอยู่แล้ว

            แต่ส่วนขยายที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นที่จับตาคือ หัวข้อ และเนื้อหาในการนำเสนอ โดยเฉพาะตอนล่าสุดในหัวข้อ “ชาติตกอยู่ในอันตราย! ระงับตำแหน่งกษัตริย์ชั่วคราว ในปี 1792” ที่หากคนที่ไม่ได้คิดจะเปรียบเทียบก็อาจจะมองเป็นแค่การให้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์ของประเทศที่เคยมีระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เท่านั้น

            แต่หากมองจากมุมเปรียบเทียบ โดยเฉพาะมุมมองของกลุ่มคนที่ไม่ชอบพรรคอนาคตใหม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะไม่มีความรู้สึกว่า สิ่งที่อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้นี้กำลังนำเสนอนั้น ต้องการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างไปยังมวลชนผู้สนับสนุนพวกเขาหรือไม่

            ที่ผ่านมา การแสดงออกของนายปิยบุตรนั้นถูกตั้งคำถามมาตั้งแต่สมัยที่เจ้าตัวเป็นหนึ่งในอาจารย์ธรรมศาสตร์  และเป็นหนึ่งในกลุ่ม “นิติราษฎร์” รวมทั้งการแสดงความเห็นในเรื่องละเอียดอ่อนบนเวทีเสวนามาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเรือจ้างในรั้วเหลืองแดง ซึ่งคลิปวิดีโอดังกล่าวยังคงถูกนำมาโพสต์ และถูกตีตรา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานนายปิยบุตรอยู่จนถึงทุกวันนี้

            ยังไม่รวมถึงวีรกรรมอื่นๆ ทั้งในนามส่วนตัวและในนามพรรคอนาคตใหม่ ที่ชัดเจนที่สุดคือ เรื่องการแสดงจุดยืนในเรื่อง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังฯ

            กรณีวรรคทองช่วงที่ คณะก้าวหน้ารับบริจาคเงินเพื่อมอบให้กับคนที่เดือดร้อนรายละ 3,000 บาท โดยนายปิยบุตรได้กล่าวตอนหนึ่งว่า

            “ชีวิตของท่านมีคุณค่ามากกว่าจะปลิดชีวิตตนเองไป เพียงเพื่อจะสังเวยกับความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลคณาธิปไตย ชีวิตของท่านมีคุณค่าสำหรับการลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยกัน เพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลคณาธิปไตยชุดนี้ให้กลายเป็นประชาธิปไตยให้สำเร็จจนได้”

            ซึ่งหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า ทางนายปิยบุตรและคณะก้าวหน้า เตรียม “คิดการใหญ่” อะไรบางอย่างหลังหมดปัญหาโควิด-19 หรือไม่

            อย่างกรณีล่าสุดคือ การโพสต์เฟซบุ๊กเชิงเหน็บแนมการทำงานขององคมนตรีคนใหม่อย่างนายนุรักษ์ มาประณีต โดยเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า

            “ข้ออ้างที่ว่านายนุรักษ์ มาประณีต ได้เป็นองคมนตรีแล้วจึงไม่สมควรอภิปรายถึงการทำงานที่ผ่านมาฟังไม่ขึ้น หากเรายึดถือตามนี้ ก็กลายเป็นว่าบุคคลใดได้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีแล้ว บุคคลนั้นจะหลุดพ้นจากการตรวจสอบ ศึกษา หรืออภิปรายใดๆ ถึงการกระทำหรือผลงานต่างๆ ก่อนที่เขาจะดำรงตำแหน่งองคมนตรีอย่างนั้นหรือ”

            โพสต์ดังกล่าวก็ถูกตีความไปว่า ปิยบุตร ชี้ ด่าองคมนตรีได้

            นอกจากนี้ การโพสต์แสดงความอาลัยต่อ “ดา ตอร์ปิโด” หรือ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ที่เพิ่งจะเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ก็เป็นการตรึงหมุดให้แน่นไปมากกว่าเดิม และทำให้นายปิยบุตรกำลังจะถูกยกระดับให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ฝ่ายต่อต้าน” เหมือนกับนายสมศักดิ์ เจียมธีระสกุล ต่างกันเพียงแค่คนหนึ่งอยู่ฝรั่งเศส อีกคนอยู่ที่ประเทศไทย

            อีกจุดที่บางคนอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น คือ ความดุดัน และความเกรี้ยวกราดของแกนนำคณะก้าวหน้าคนนี้ ที่นับวันจะยิ่งฮาร์ดคอร์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ความดุดันดังกล่าวก่อนหน้านี้เป็นคาแรคเตอร์ที่อยู่ในตัวของนายธนาธรมากกว่า

            แต่หลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบเป็นต้นมา คาแรคเตอร์แบบนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลับถูกถ่ายทอดออกมาจากนายปิยบุตรมากกว่าใครคนใดในคณะก้าวหน้าเลยทีเดียว

            ช่วงชีวิตของใครหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “ขิงยิ่งแก่ ยิ่งเผ็ด” ซึ่งในกรณีของนายปิยบุตรก็อาจจะเข้าข่ายนี้ได้เช่นกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่านายปิยบุตรจะเผ็ดไปได้ถึงตอนไหน จะเผ็ดแบบที่ยังคงอยู่ในเมืองไทยได้และใช้ชีวิตแบบปกติสุข หรือจะเผ็ดจนไม่สามารถอยู่ในเมืองไทยได้แบบนายสมศักดิ์ หรือจะเผ็ดแบบที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคนเคยเจอ

            นั่นคือเผ็ดมากเกินไปจนหายตัวไป กว่าจะเจออีกทีก็จำสภาพไม่ได้เสียแล้ว แต่ที่แน่ๆ หากเกิดเหตุการณ์แบบเคสสุดท้ายขึ้น การเมืองไทยก็จะเตรียมวนกลับมาลูปเดิมบนท้องถนนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งไหนๆ ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"