เกิดเหตุสลด แรงงานต่างถิ่นชาวอินเดียถูกเลิกจ้างเพราะมาตรการล็อกดาวน์สกัดไวรัสโคโรนา พากันเดินเท้ากลับบ้านในชนบท เผลอหลับบนรางรถไฟสุดท้ายโชคร้ายโดนรถไฟสินค้าแล่นทับร่างเสียชีวิต 14 ศพเมื่อวันศุกร์

ตำรวจและเจ้าหน้าที่อินเดียเดินตรวจรางรถไฟภายหลังเกิดเหตุรถไฟแล่นทับแรงงานเสียชีวิต 14 ศพขณะนอนหลับบนราง ระหว่างอำเภอจัลนาและอารังกาบาด รัฐมหาราษฏระ เมื่อวันศุกร์

    รัฐบาลอินเดียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศมานาน 8 สัปดาห์แล้ว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งส่งผลให้แรงงานจำนวนมากถูกเลิกจ้าง แรงงานหลายแสนคนที่ขาดรายได้ต้องหนีออกจากเมืองใหญ่ด้วยการเดินเท้ากลับบ้านเกิดเป็นระยะทางไกล เนื่องจากระบบขนส่งมวลชนหยุดบริการ มาตรการล็อกดาวน์นี้เพิ่งถูกขยายออกไปอีกถึงวันที่ 17 พฤษภาคม

    รายงานรอยเตอร์อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่อินเดียเมื่อวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563 ว่าเหตุสลดนี้เกิดขึ้นกับแรงงานกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินทางออกจากรัฐมหาราษฏระในภาคตะวันตกของประเทศ ซี. เอช. ราเกศ โฆษกกระทรวงการรถไฟ กล่าวว่า คนขับรถไฟสินค้าขบวนนี้พยายามหยุดรถแล้วเมื่อเห็นว่ามีคนงานนอนอยู่บนราง แต่ไม่ทันการณ์ รถไฟแล่นทับร่างแรงงานเสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บอีก 5 คน กระทรวงได้สั่งการให้สอบสวนแล้ว

    ตำรวจกล่าวว่า แรงงานเหล่านี้เคยทำงานที่บริษัทเหล็ก และกำลังพากันเดินกลับไปหมู่บ้านของพวกเขาในรัฐมัธยประเทศที่อยู่ติดกัน "พวกเขาเดินกันตลอดทั้งคืน และคงเหนื่อยจึงนอนหลับกันบนรางรถไฟ" ตำรวจนายหนึ่งบอก

    เจ้าหน้าที่อีกคนกล่าวว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาล็อกดาวน์ แรงงานพวกนี้คงไม่คาดคิดว่ายังมีรถไฟวิ่งอยู่

    ด้านนายกฯ นเรนทรา โมดี โพสต์ทวิตเตอร์ว่า เขาเจ็บปวดใจกับการสูญเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งนี้และกำลังหาทางให้ความช่วยเหลือทุกวิถีทาง

    รัฐบาลของโมดีกำลังถูกคนในประเทศวิจารณ์ที่จัดเตรียมเที่ยวบินพิเศษไปรับแรงงานชาวอินเดียและนักศึกษาที่ตกค้างในต่างแดนเพราะการปิดประเทศห้ามเที่ยวบินเข้า ในขณะที่ปล่อยให้แรงงานในประเทศหลายล้านคนตกค้างในเมืองใหญ่โดยไม่มีอาหารและเงิน

    ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นของบางรัฐกำลังถูกกดดันให้จัดขบวนรถไฟและรถบัสนำแรงงานต่างถิ่นเหล่านี้กลับบ้าน หลังจากแรงงานจำนวนมากยอมเสี่ยงชีวิตเดินเท้าผ่านทุ่งนาป่าเขาท่ามกลางสภาพอากาศร้อนเป็นระยะทางไกล

    ทั้งนี้ ข้อมูลถึงวันศุกร์ อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 56,409 ราย เสียชีวิต 1,890 ราย.