หลังมีประกาศคลายล็อคให้ธุรกิจร้านอาหาร ชาบู-ปิ้งย่าง ให้เปิดบริการได้ปกติเหมือนเดิม แต่ต้องรักษาระยะห่าง คู่รักนักสู้น้ำใจงาม บอย อนุวัฒน์ และ เจี๊ยบ-พิจิตตรา สงวนศักดิ์ภักดี ก็ยิ้มออกทันที พร้อมกับขานรับปฏิบัติตามทุกนโยบายอย่างเต็มที่
โดยมีการจัดโต๊ะใน ร้านชาบู GOTOKU BY SHABU KING ย่านพุทธมณฑล ตามกฎที่ออกอย่างแข็งขัน นั่งกินคนเดียวต่อ 1 โต๊ะ ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร และ 1 หม้อต่อ 1 คน ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร้าน ซึ่งทั้งคู่เผยว่ายอมที่จะลงทุนอีกครั้งเตรียมพร้อมที่จะรองรับลูกค้าเต็มที่ และเพื่อความปลอดภัยที่สุด
หลังปิดไปเดือนกว่าๆ ล่าสุดกลับมาเปิดแล้ว?
บอย : แต่ก็ต้องบอกว่ายังเปิดได้ไม่เต็ม 100% ครับ ก็เหมือนมันครึ่งนึงเพราะว่า ทุกคนมาก็ต้อง 1 โต๊ะ 1 คน มันเลยทำให้การบริการทันทำได้ครึ่งนึง
มีการจัดโต๊ะใหม่ทั้งร้าน เราทำตามกฎเลยไหม?
เจี๊ยบ : ก็เอากฎมากางเลยค่ะ อาจจะโชคดีที่ร้านเรามีพื้นที่พอที่จะแบบ 1 โต๊ะ 1 เมตรได้ หรือว่าถ้าเป็นโต๊ะด้านนอก หัวท้ายมันเมตรกว่าอยู่แล้ว ก็ค่อนข้างทำได้ แล้วก็พอเข้ามาต้องมีจุดตรวจช้อน ส้อม จาน คนละชุด ถามว่ายากไหมจริงๆ มันก็ยากค่ะ เพราะว่าลูกค้าโทรมาเยอะมากว่าถ้ามีลูกเอามาด้วยได้ไหม จะจัดการยังไงถ้ามีคุณแม่เป็นคนอายุเยอะจะทำยังไง เพราะว่าเราเป็นแฟมิลี่ซะส่วนใหญ่ ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าบางทีก็ต้องปฏิเสธลูกค้าไป เพราะเราไม่สามารถจัดการตรงนั้นได้
บอย : มีโทรมาเช็ค มีโทรมาจองล่วงหน้า ซึ่งตอนแรกๆ เรา 2 คนเองก็กลัวว่าจะมีคนมาทานไหม เพราะว่าอย่างที่ทราบกันดีครับเวลาทานชาบูทุกคนก็อยากจะทานกับเพื่อนหรือทานกับคนในครอบครัว มันไม่ใช่อาหารที่คนจะทานคนเดียว ก็เลยพยายามคิดว่าจะทำยังไงดี เราก็เครียดแต่ปรากฏว่าลูกค้าที่มากลุ่มแรกมา 5 ท่าน มารถคันเดียวกัน 5 ท่าน แล้วก็เดินมานั่งแยกกัน 5 โต๊ะเองโดยอัตโนมัติ ผมว่ามันเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมที่พวกเรามีครับ แล้วทุกคนก็ตั้งใจปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ตอนนี้คอนเสิร์ตกับละครเป็นยังไงบ้าง?
บอย : งานเพลงนั้นอาจจะต้องรอกันนิดนึง อาจจะมีช่องทางในการจัดคอนเสิร์ตในช่องทางอื่นแทน ส่วนของ เจี๊ยบ ก็มีข่าวดีว่าอาจจะได้เปิดกล้องถ่ายทำละครกันต่อในเร็ววัน แต่ก็มีอีกช่องทางที่เราสองคนได้ทำขึ้น คือ รายการออนไลน์ #BOYJEABTheLoveJourney SEASON 2 ทาง Facebook : คุยสตอรี่ และ Youtube : CHANGE2561 รายการนี้เห็นชีวิตของเราทั้งคู่ในมุมแบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเลย”
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่ยังคงเดินหน้าทำต่อไปด้วยใจ นั่นก็คือ การนำอาหารไปมอบให้หมอ พยาบาลที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก และประชาชนที่ตกงาน โดยจะทำต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
เจี๊ยบ : อย่างที่รู้ๆ เราก็มีทำอาหารแจก ถึงจะขาดทุนในส่วนของเงินแต่ที่ได้มา เราได้ในเรื่องดีๆที่ได้กำลังใจกลับมา
บอย : ที่เราสั่งผัก สั่งวัตถุดิบกับเขา เขามาถึงเขาก็เอาของวางที่ร้านแล้วก็บอกว่าไม่คิดเงิน อย่างที่เราเคยลงโซเชี่ยลไปที่วางเต็มโต๊ะอะไรแบบนี้ เอาหมูมาให้ 10 กิโล เอาข้าวมาให้เป็นร้อยๆ กิโล ทุกวันนี้ก็ยังมีเข้ามาเรื่อยๆ ครับ ก็เลยรู้สึกว่าถึงแม้มันจะขาดทุนตรงที่เป็นรายได้ไปแต่มันได้กำไรในเรื่องของความสุขครับ มันมีความสุข แล้วก็พนักงานทุกคนที่อยู่ก็ยินดีที่จะทำอาหารแจกคน ถึงแม้เราจะกลับมาใช้ชีวิตกันมากขึ้นแต่ว่าก็ยังมีคนลำบากอยู่ ยังมีคนมารับอาหารที่หน้าร้านวันนึงตก 70-100 คน ถ้าวันหยุคแบบพีคๆ เลยก็ 200 -300 ก็มี
เจี๊ยบ : เราทำเป็น 2 แผนกค่ะ ที่แจกก็คือ จะมีศูนย์การแพทย์กาญจนาที่เราผูกขาดว่าเราต้องแจกทุกวันอยู่แล้ว สัญจรหน้าร้าน ตกงานไม่มีรายได้ เดือดร้อนก็มารับกันเรื่อยๆ ก็ยังแจกอยู่ ตอนแรกคิดว่าเปิดร้านแล้วเราจะหยุดแจกไหม แต่ว่าก็มีคนโทรเข้ามาถามว่า ยังแจกอยู่ไหมชุมชนนี้ยังไม่มีงานนะ โรงงานปิดไปแล้ว
บอย : ยังไม่รวมพี่ๆ น้องๆ ที่เราเคยประกาศไปว่า พี่ๆ ที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์ เป็นแมสเซนเจอร์ เป็นแกรบ เป็นไลน์แมน ให้สามารถเข้ามารับอาหารได้ฟรี ตรงนั้นก็มีอีก เยอะพอสมควรครับ เราก็คงแจกไปเรื่อยๆ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |