เตือน6กิจการเปิดช่องระบาดรอบ2


เพิ่มเพื่อน    

  ศบค.เผยผลตรวจกิจการหลังผ่อนคลายพบไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 351 แห่ง ร้านอาหารฝ่าฝืนมากที่สุด 214 แห่ง แต่ยังไม่สั่งปิดเพราะอยู่ในช่วงปรับพฤติกรรม "บิ๊กตู่" ตำหนิภาพคนแย่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จี้ร้านค้าจัดระเบียบตามมาตรการ ขู่ถ้าปล่อยให้มีอีกสั่งปิดทันที เล็งพิจารณาให้เปิดศูนย์การค้าในระยะ 2 แต่ผู้ประกอบการต้องจัดคิวคนเข้าออก มีมาตรฐานคัดกรอง ย้ำห้ามการ์ดตกเด็ดขาดไม่ว่าตัวเลขจะเป็นศูนย์หรือไม่ สธ.เตือนผ่อนปรน 6 กิจการต้องร่วมมือกันป้องกันโรค อย่าให้เกิดระบาดระลอก 2 แบบ "สิงคโปร์-ญี่ปุ่น"

    ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.30 น. วันที่ 5 พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ขณะที่การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงเกี่ยวกับกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายในวันที่ 4 พ.ค. เข้าตรวจกิจการและกิจกรรมทั้งสิ้น 9,383 แห่ง พบว่าปฏิบัติตามมาตรการ 9,032 แห่ง ไม่ปฏิบัติ 351 แห่ง  โดยที่พบฝ่าฝืนมากที่สุดคือ ร้านอาหารที่เข้าตรวจ 3,156 แห่ง ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 214 แห่ง คิดเป็น 6.7%
    "ที่มีข่าวว่า ศบค.สั่งปิดบางกิจการที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้สั่งปิดแต่อย่างใด ถ้าปิดคงเพราะผิดกฎหมาย เพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงปรับพฤติกรรมของผู้ให้บริการ ครั้งแรกจะแนะนำ ถ้ารอบสองยังเหมือนเดิมหรือแย่กว่าเดิมอาจถูกสั่งปิด ถ้าไม่อยากให้ถูกสั่งปิดก็ขอให้ทำตามมาตรการ โดยที่รัฐไม่ต้องไปสั่งหรือกำกับ เพื่อสุขอนามัยของท่านเอง นอกจากนี้ที่ปรากฏภาพผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มหนาแน่นเบียดเสียดกันนั้น อย่างน้อยทุกคนก็ยังใส่หน้ากากอนามัย และฝากผู้ประกอบการให้จัดระเบียบพื้นที่ หรืออาจเพิ่มรอบโดยสารเพื่อลดความแออัด หรือผู้ใช้บริการให้ไปเหลื่อมเวลา หรือทำงานอยู่ที่บ้านตามที่รัฐยังสนับสนุนมาตรการนี้" นพ.ทวีศิลป์กล่าว    
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ด้วยความห่วงใย ด้วยการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ของพวกเราทุกคนใน ครม. ในเรื่องของมาตรการผ่อนปรนมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะในเรื่องของความร่วมมือจากภาคธุรกิจ เอกชนต่างๆ ในการผ่อนปรนมาตรการ  รวมไปถึงความร่วมมือจากประชาชนในการสร้างรายได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากขณะนี้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย แต่ก็จำเป็นจะต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในด้านสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพราะเรายังวางใจในเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ ในส่วนการเปิดร้านต่างๆ ก็เห็นว่าหลายๆ ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กที่มีการผ่อนปรน ก็ได้มีการปรับมาตรการของตัวเองในเรื่องของ Social Distancing  อย่างดียิ่ง แต่หลายอย่างก็ยังคงต้องปรับให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน โดยต้องคำนึงถึงมาตรฐานด้านการสาธารณสุขเป็นประเด็นสำคัญ
    "สำหรับการรุมเพื่อแย่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผ่านมา ผมขอตำหนิ และได้สั่งการไปแล้วว่าจะต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล่านี้ ว่าในแต่ละรายจะต้องมีการจำกัดปริมาณการซื้อเท่าไหร่ รวมทั้งจะต้องมีการเปิดตามเวลาที่กำหนด ไม่ให้เกิดภาพการแย่งชิงกันซื้ออย่างที่ปรากฏขึ้นมาอีก จะถือว่าไม่เป็นการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล ก็ขอให้ภาคเอกชน ร้านค้าต่างๆ ที่จำหน่ายสุราต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ออกไป ไม่เช่นนั้นก็จะต้องถูกปิด ไม่ให้ขายอีกต่อไป จึงขอให้มีมาตรการที่เหมาะสม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ย้ำการ์ดห้ามตกเด็ดขาด
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังเตรียมการเพื่อเข้าสู่ระยะที่ 2 ถ้าหากสามารถผ่านระยะที่ 1  ไปได้ 14 วัน ก็มีอีกหลายแห่งด้วยกันที่จะมีการเปิดในโอกาสต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือจะมีประชาชนจำนวนมากเข้าไปยังสถานประกอบการขนาดใหญ่ รวมทั้งศูนย์การค้าต่างๆ จึงขอเตือนว่าจะต้องมีการกำหนดจำนวนปริมาณคนที่จะเข้าไปใช้บริการในสถานที่เหล่านั้น ให้เป็นไปอย่างจำนวนจำกัด โดยจะต้องจัดให้ทยอยเข้าไป ใช้เวลาอยู่ในสถานประกอบการนั้นๆ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการกรูเข้าไปครั้งเดียว ทำให้เกิดปัญหาการแย่งชิง ดังนั้นทุกๆ สถานประกอบการขนาดใหญ่ ศูนย์การค้าจะต้องมีเต็นท์หรือพื้นที่พักคอยด้านนอก เมื่อถึงเวลาก็ให้จัดทยอยเข้าไปตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ว่าจะสามารถเข้าไปได้เท่าไหร่อย่างไร รวมทั้งจะต้องมีมาตรฐานในการคัดกรองคนที่จะเข้าไปยังสถานที่เหล่านั้น ต้องมีการวัดอุณหภูมิ การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาใน ศบค.ว่าจะอนุญาตให้เปิดอะไรบ้างในระยะต่อไป ก็ขอให้ทุกคนได้เตรียมการให้พร้อม
    "สิ่งที่หลายคนกังวลก็คือ ในสถานประกอบการขนาดใหญ่อาจจะมีความพร้อมมากกว่า เพราะมีเครื่องมือ อุปกรณ์ มีทุนทรัพย์มากกว่า ดังนั้นในส่วนของตรงกลางทุกคนก็ต้องช่วยด้วย อะไรที่ต้องทำก็ขอให้ทำให้ได้ เราถึงจะเปิดให้บริการได้ ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนมีมาตรฐานที่รัดกุม"
    นายกฯ กล่าวอีกว่า มีความเป็นห่วง ถ้าหากตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์จะทำให้ประชาชนชะล่าใจและการ์ดตก โดยเฉพาะที่มีประชาชนแห่ไปใช้บริการรถไฟฟ้ากันเป็นจำนวนมาก ต้องถามสื่อกลับว่าจะช่วยสร้างความเข้าใจให้ประชาชนได้หรือไม่ เพราะตนเองคนเดียวตัดสินอะไรไม่ได้หรอก ต้องประชาชนด้วย  เป็นหน้าที่ของสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ สื่อโซเชียลต่างๆ ต้องสร้างความเข้าใจตรงนี้ไปสู่ประชาชน จะต้องไม่การ์ดตก ไม่ว่าจะศูนย์หรือไม่ศูนย์ก็ตาม จะการ์ดตกไม่ได้เลย ขอย้ำตรงนี้ห้ามการ์ดตกโดยเด็ดขาด
     ส่วนเรื่องที่มีประชาชนไปใช้บริการรถไฟฟ้ากันแน่นนั้น นายกฯ กล่าวว่าเป็นความขัดข้องทางเทคนิคที่เกิดขึ้น ที่อาจจะเกิดจากกรณีการชำรุดของรถไฟฟ้าที่ส่วนใด หรือเป็นเรื่องของสัญญาณ แล้วบังเอิญเป็นช่วงที่มีประชาชนไปรอใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้สั่งการไปแล้วให้แก้ไขปัญหาเหล่านี้ และอีกเรื่องที่ต้องขอร้องกันคือ เรื่องอะไรก็ตามที่ทำไปแล้วมีปัญหา ก็ขอให้เสนอในช่องทางที่เหมาะสมที่ถูกต้อง ที่รัฐบาลสามารถจะนำไปขับเคลื่อนได้ อย่างเช่นการร้องเรียนต่างๆ ผ่านช่องทางสำนักนายกรัฐมนตรี ตนก็ได้นำไปแจ้งใน ครม.ได้ทราบว่ามีอะไรบ้างที่เขาต้องไปทบทวน จะเห็นว่ารัฐบาลเอาใจใส่ทุกอย่าง ก็ขอร้องกัน ขอให้ทุกคนอดทน เพียรพยายามกันต่อไปในการนำพาประเทศของเราไปข้างหน้า ไม่ใช่ด้วยใครแต่ต้องไปด้วยคนไทยทุกคน นั่นคือความร่วมมือของเรา ในช่วงเวลานี้และวันต่อๆ ไป
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพที่ประชาชนยื้อแย่งซื้อเหล้าเบียร์ภายหลังมีการผ่อนปรนให้ขายได้ในบางพื้นที่ว่า ก็จะต้องใช้วิธีเตือนก่อนเพราะยังไม่ถึงขนาดว่าผิดอะไร ต่างคนต่างยังไม่คุ้นกันอยู่ วันนี้เราก็ใช้วิธีเตือนแล้วจัดระบบกันใหม่ ส่วนที่มีความเป็นห่วงกันมากว่าอาจสุ่มเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อโควิดนั้น เราก็รู้อยู่ ก็บอกแล้วว่าทุกคนต้องระวังตัวเอง ห้างสรรพสินค้าต้องระวังด้วย เพราะมันอันตรายกับทั้งผู้บริโภคและคนขาย
     "เรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดูกันอยู่ ถ้าสมมติว่ามันคุมไม่อยู่อาจจะต้องห้ามหรือปิดเฉพาะแห่ง ห้างนั้น ร้านนั้น เฉพาะแห่งไป ร้านอื่นไม่เกี่ยว แต่หากลุกลามมากอาจจะปิดเป็นกิจการ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น 17 ห้างโดนหมด 6 กิจการก็โดนหมด อย่างในต่างจังหวัดร้านอาหารที่เปิด จะมีการเปิดหมด แต่ถ้าร้านไหนไม่ระมัดระวัง ไม่มีมาตรการป้องกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดก็สามารถปิดเฉพาะร้านนั้นได้ร้านเดียว" นายวิษณุกล่าว    
ร้านไหนทำผิดพร้อมสั่งปิด
    นายวิษณุกล่าวด้วยว่า สำหรับบางจังหวัดที่ยังเปิดให้ขายเหล้าอยู่ เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะประเมินความเสี่ยงเอง มันมีคำสั่ง 2 ระดับที่ต้องเข้าใจ คือ คำสั่งกลางของรัฐบาลซึ่งกำหนดไม่ให้ดื่มในร้าน ส่วนอีกระดับคือระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งทางผู้ว่าฯ จะไปพิจารณาเองตามกฎหมายโรคติดต่อ ไม่ได้สั่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งต้องดูเป็นจังหวัดๆ ไป แต่ที่สำคัญจังหวัดไหนใช้อำนาจของ พ.ร.บ.โรคติดต่อสั่งปิดแล้ว วันหลังจะมาเปลี่ยนเป็นเปิดไม่ได้ ต้องมาให้ส่วนกลางเป็นผู้อนุญาต เพราะตอนสั่งปิดอาจเห็นว่าจะต้องเข้ม แต่พออยู่ๆ ไปแล้วไปเปิดเพราะเห็นว่าไม่เป็นไรแล้ว แต่มันอาจจะมีผลกระทบอย่างอื่นที่ทางจังหวัดนึกไม่ออก แต่รัฐรู้ อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาดูทุกวัน  ซึ่งโดยปกติประมาณ 14 วัน เพราะทางแพทย์บอกแล้วว่า 14 วันอาการจะปรากฏ
    "หากร้านไหนทำผิด โดยชุดที่เข้าไปตรวจสอบไปตรวจเจอ กรณีแบบนี้ 3 วัน หรือวันรุ่งขึ้นก็ปิดเลย อย่างวันนี้ก็เริ่มปิดแล้ว มีรายงานมาแล้วเป็นการปิดเฉพาะแห่ง เป็นร้านอาหารใน กทม. เขาเตือนแล้วไม่ฟัง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร" นายวิษณุระบุ    
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติงานของสายตรวจร่วมในการตรวจสถานบริการ หรือจัดกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายตามมาตรการของรัฐบาล ว่า จากการตรวจสอบของสายตรวจร่วม สำหรับสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรนให้เปิดได้ ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม, ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตีมอลล์, ร้านค้าปลีก ค้าส่งขนาดย่อม, ร้านตัดผม/ร้านเสริมสวย, สนามกอล์ฟ/สนามซ้อม, สนามกีฬา, สวนสาธารณะ, ร้านดูแล/รักษาสัตว์ กว่า 9,400  แห่งทั่วประเทศ พบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำนวนกว่า 350 แห่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ตักเตือนและให้คำแนะนำไปกว่า 2,600   แห่ง
    รองโฆษก ตร.กล่าวว่า หากผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานบริการ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด หลังผ่อนคลายมาตรการให้กิจกรรมและกิจการบางอย่างเปิดให้บริการได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วย ทหาร ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข ซึ่งเป็นชุดสายตรวจร่วมปฏิบัติในการตรวจสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรน จะใช้วิธีว่ากล่าวตักเตือนและให้ดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การรักษาความสะอาด การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดอุณหภูมิ หากพบว่ายังมีการฝ่าฝืน จะเสนอผู้มีอำนาจสั่งปิดสถานที่ที่ฝ่าฝืนนั้น ในส่วนภาพรวมการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว  ตั้งแต่เวลา 22.00 น.ของวันที่ 4 พ.ค.63 ถึงเวลา 04.00 น.ของวันที่ 5 พ.ค.63 ยังพบผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถานและรวมกลุ่ม ชุมนุม และมั่วสุมในเคหสถาน กว่า 678 ราย    
    นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า  หลังผ่อนปรนมา 3 วันก็ยังมีข้อห่วงใย คือการเดินทางออกต่างจังหวัดช่วงหยุดยาว หรือการออกจากภูเก็ตไปยังภูมิลำเนาของตัวเอง การแย่งกันซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังงดการขายมาเป็นเวลา 1 เดือน  แต่สิ่งที่น่าชื่นชม คือ 6 กิจการที่ได้รับการผ่อนปรน เช่น ร้านตัดผม ร้านอาหาร มีการจัดเตรียมตัวเพื่อเปิดกิจการอย่างน่าชื่นชม การทำความสะอาด การวางเจลแอลกอฮอล์ การใส่หน้ากากอนามัย ใส่เฟซชีลด์ การทำฉากกั้นที่นั่งร้านอาหาร ขอให้ทุกคนการ์ดไม่ตก ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง จะทำให้ไม่เกิดการระบาดโควิด-19 ในรอบที่ 2 เหมือนอย่างสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น
    เมื่อถามถึงสัญญาณการระบาดระลอก 2 นพ.อนุพงศ์กล่าวว่า สิ่งที่บ่งบอกนอกจากจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น ก็คือการเพิ่มลักษณะเป็นหย่อมๆ หรือวงจำกัด มีรายใหม่เป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์  ถ้าการ์ดเราไม่ตก ระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง ระบบการสอบสวนโรค เราทำงานทันเวลา เอาผู้สัมผัสใกล้ชิดมาตรวจโดยเร็ว ขณะนี้เรามีห้องปฏิบัติการตรวจ RT-PCR เกือบทั่วประเทศไทยกว่า 150 แห่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศเราคุมได้ จากการมีสถานที่กักกันของรัฐหรือศูนย์กักกัน เหลือเพียงคนในประเทศถ้าจัดการโดยเร็วก็ปลอดภัยสูงมาก การระบาดระลอกถัดมาก็จะลดลง
     เมื่อถามถึงการใส่หน้ากากอนามัยวิ่งออกกำลังกายอันตรายหรือไม่ นพ.อนุพงศ์กล่าวว่า การใส่ก็คงรู้สึกอึดอัดและไม่สะดวก แต่สวนสาธารณะที่เปิดหรือสถานที่ออกกำลังกายต้องมีมาตรการอื่นเสริม คือ ตรวจวัดไข้ก่อนเข้า โดยคนป่วยไม่ควรมาออกกำลังกาย และไม่ให้คนออกกำลังกายเข้ามาหนาแน่นเกินไป มีการวางเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ส่วนกรณีรถไฟฟ้าขัดข้องและคนแน่นเต็มสถานี ขณะนี้การจัดบริการส่วนหนึ่งทำความสะอาดบ่อยมาก ผู้ใช้บริการใส่หน้ากาก แต่ภาพที่ออกมาคนแน่นเกินไปก็น่าจะไม่เหมาะสม เราอย่าเพิ่งตำหนิติเตียน เราทุกคนกำลังปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ต่อไปนี้เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ระบบดีแล้วจะได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องมากขึ้น. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"