“ประยุทธ์” รับวิกฤติโควิด-19 พ่นพิษหนัก เชื่อหลังโรคจางหายยังต้องเจอหางเลขทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 6-9 เดือน เล็งวางแผนต่อสู้ในอนาคต แต่ต้องขอเวลาเพราะหลายอย่างใช้เงินและติดข้อกฎหมาย “เจ้าสัวเซ็นทรัล” ร่ายมาตรการช่วยสังคมสู้ไวรัสเพียบ “พิธา” มามุกเดิมบี้ตั้ง กมธ.สอบมาตรการแก้ปัญหาไวรัสมรณะ
เมื่อวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าได้ใช้เวลาวันหยุดราชการตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามท้องถนนและการตั้งด่าน ซึ่งต้องขอขอบคุณรองนายกฯ และรัฐมนตรีหลายท่านที่ได้ลงไปทำอย่างที่ตนเองทำ ซึ่งสิ่งที่ดำเนินการในขณะนี้นอกจากการขอความร่วมมือบรรดาผู้ประกอบการขนาดใหญ่ 20 ราย และอาจมากกว่านั้นในระดับรองลงมา ท่านมีมูลค่าทรัพย์สินจำนวนมากอยู่แล้ว ฉะนั้นจะขอความร่วมมือจากพวกท่าน ขอให้ท่านร่วมมือกับเรา ซึ่งตอนนี้ก็ตอบมาครบแล้วว่ามีแผนดำเนินการดูแลพนักงานลูกจ้างของท่านอย่างไร และมีอะไรที่รัฐจะต้องดูแล ในส่วนของกระทรวงแรงงานก็จะดูแลให้ในส่วนนี้ แต่ในส่วนสำคัญอีกประการ เขาจะร่วมในการฟื้นฟูดูแลประชาชน เกษตรกร และกลุ่มอาชีพต่างๆ ในแต่ละจังหวัดตามศักยภาพที่มีอยู่ในห่วงโซ่ต่างๆ ซึ่งคิดว่าเป็นประโยชน์
“ผมได้ใช้เวลาเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการไปตรวจเยี่ยมพูดคุยกับเขา พบปะรับฟังปัญหาโดยตรง ทั้งนี้เพื่อนำมาขับเคลื่อนใน ครม.เพื่อที่จะไปดูแลเขาให้มากยิ่งขึ้น ตรงนี้ต้องขอเวลา เพราะหลายอย่างต้องใช้งบประมาณ และหลายอย่างติดข้อกฎหมายหลายตัว ต้องให้เวลาผมในการแก้ปัญหา ผมจะเดินหน้าไปพบปะเรื่อยๆ" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า หลังจากที่มีมาตรการเยียวยาไปแล้วจากหลายกระทรวงด้วยกัน โดยใช้เงินจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินจำนวนหนึ่งในการเยียวยา ซึ่งต้องดูว่าสิ่งที่รัฐบาลหรือ ครม.ได้อนุมัติไปแล้วมีปัญหาอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงมาตรการสินเชื่อหรือซอฟต์โลน การดูแลเยียวยาให้สอดคล้องกับเวลาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าควรขยายอะไรอย่างไร ซึ่งต้องเตรียมแผนไว้ล่วงหน้า ตรงนี้ได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ และชื่นชมหลายสมาคมที่พยายามดูแลแรงงานของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งก็สุดแล้วแต่ว่าสายป่านของเขามีแค่ไหนอย่างไร และมีอะไรที่รัฐบาลจะดูแลให้ได้บ้าง อันนี้ได้มีการหารือในที่ประชุม ครม.และให้คณะกรรมการพิจารณาโครงการเงินกู้เข้าไปดูแลตรงนี้ด้วย ว่าจะดูแลเพิ่มเติมได้หรือไม่
"เราคาดการณ์ว่าสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของเราคงมีผลกระทบไปอีกนานพอสมควร คงไม่ใช่แค่ 3 เดือน อาจถึง 6 เดือน 9 เดือน ซึ่งต้องเตรียมมาตรการไว้รองรับในโอกาสต่อไปด้วย ขณะเดียวกันผมได้เน้นย้ำในสิ่งที่เราค่อนข้างจะชินแล้ว คือการใช้ new normal วิถีชีวิตปกติแบบใหม่ คือให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ วิถีชีวิตทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงไปหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้ลดระดับความรุนแรงลง ฉะนั้นต้องวางแผนอนาคตไว้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
เซ็นทรัลโชว์พลังร่วมสู้โควิด
ด้านนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและเป็นวิกฤติที่มีผลทั่วโลก ครอบครัวจิราธิวัฒน์และกลุ่มเซ็นทรัลได้ตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญต่อความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมบูรณาการให้เกิดความยั่งยืน เริ่มตั้งแต่มาตรการช่วยเหลือพนักงานในเครือกว่า 74,000 ราย โดยคงสถานะการจ้างและการมอบประกันภัยโควิด-19 ให้ทุกคน รวมถึงได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ภายในปี 2563 โดยมุ่งไปที่กระบวนการภายใต้ความต้องการพื้นฐานทั้ง 3 ส่วน อันได้แก่ 1.มาตรการสร้างอาชีพ เสริมรายได้ ซึ่งจะมีทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างรายได้ อาทิ ให้พื้นที่ขาย 90,000 ตร.ม. ใน 100 ศูนย์การค้าใน 44 จังหวัด และผ่านช่องทางออนไลน์ มูลค่ารวมกว่า 550 ล้านบาท จัดช่องทางการขายออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ท็อปส์ออนไลน์ JD central เซ็นทรัลออนไลน์ และโรบินสันออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น
นอกจากนั้นยังอนุมัติวงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อรับซื้อสินค้าโดยตรงจากเกษตรกรและชุมชน ทำให้ชุมชนและเกษตรกรมีรายได้ 25,000 ครัวเรือนใน 42 จังหวัด รวมทั้งสร้างอาชีพแก่ชุมชนอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างอาชีพให้คนพิการ พัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์ให้คนที่ต้องการเริ่มธุรกิจใหม่แต่ยังขาดเงินทุน
2.มาตรการลดค่าครองชีพ จะมีทั้งลดและตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นกว่า 3,000 รายการ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน ลดราคาอาหาร 20% ในศูนย์อาหาร 87 แห่ง ใน 43 จังหวัด โดยจัดให้มีอาหารราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 19 บาท และ 3.มาตรการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อเป็นแผนแม่บทในการทำธุรกิจให้ปลอดภัยป้องกันการระบาด โดยใช้มาตรการสะอาด ปลอดภัย ในศูนย์การค้าและผู้เช่าทุกราย ทุกตารางเมตร โดยกลุ่มเซ็นทรัลได้จัดทำมาตรการเชิงรุกในการสร้างมาตรฐานสุขอนามัยใน 5 ด้าน 75 มาตรการ เพื่อถือปฏิบัติสำหรับทุกธุรกิจในศูนย์การค้า เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส
“มาตรการทั้งหมดนี้ประกอบขึ้นมาจากการความตั้งใจและความเชี่ยวชาญของกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้ความมุ่งมั่นของผู้บริหารและพนักงานทุกคนในองค์กร เพื่อเป็นพลังกาย พลังใจ และฟันเฟืองในการขับเคลื่อน เราเชื่อมั่นว่ามาตรการทั้งหมดจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยได้ และพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด”
ปชป.แนะปรับแนวคิด
ด้านความเคลื่อนไหวของนักการเมือง นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึง พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยใช้ฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท ซึ่งพุ่งตรงการใช้จ่ายไปยังภาคการเกษตรและแรงงานคืนถิ่นว่า ความล้มเหลวของหลายโครงการจากรัฐบาลที่ผ่านๆ มานั้น คือการไม่เปลี่ยนความคิด มอบแต่เงินลงไปกับแรงของข้าราชการ ดังนั้นเมื่อเงินหมด โครงการหยุด ข้าราชการกลับ ชาวบ้านก็กลับไปยากจนเหมือนเดิม
"การฝากความหวังไว้ที่ทีมของข้าราชการที่ขาดกระบวนการด้านการสร้างความสัมพันธ์ ทักษะในด้านการอดทนรอคอย และมิติของความใส่ใจ ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการคิด และการดำเนินชีวิตของชาวบ้านได้ เพราะนี่เป็นโจทย์ที่ใหญ่มากๆ สำหรับโครงการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลต้องยอมให้ประเทศเป็นหนี้มหาศาล ถ้าทำกันแบบเดิมๆ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะเป็นแบบเดิมๆ คือ โครงการเงินกู้หนี้ก็จะกลายสภาพเป็นโครงการกู้เพื่อซื้อปุ๋ย ซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อกล้าไม้ แล้วนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน โดยไม่ได้สร้างรายได้หรือทักษะอะไรให้ชาวบ้านเลย ทุกอย่างสูญเปล่าไปกับหนี้ที่เพิ่มขึ้นมากมายที่คนไทยทุกคนต้องแบกรับ" นายกนกกล่าว
นายกนกกล่าวอีกว่า ขอเสนอแนวทางบริหารจัดการโครงการที่จะเกิดขึ้นนี้ให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่างบประมาณที่จะลงไป เช่น การแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา ดังนี้ 1.ต้องทำความเข้าใจต่อความคิดและพฤติกรรมการผลิตของเกษตรกร เพราะ 20 ปีที่ผ่านมาประชาชนถูกทำให้เคยชินกับการร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ดังนั้น การแก้ปัญหาคือทำให้ชาวบ้านกลับมาคิดได้ว่า ปัญหาความยากจนจะลดลงและสามารถหมดไปได้ เมื่อพวกเขาลุกขึ้นมาทำงานด้วยตนเอง ไม่รอไม่ขอความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น
2.ต้องสำรวจสภาพความเป็นจริงทางกายภาพและสังคมของพื้นที่ เพื่อจัดทำแผนที่ภูมิสังคมที่จะเป็นหัวใจหลักของโครงการแก้ไขความยากจนที่จะเกิดขึ้น 3.ชาวบ้านต้องเป็นคนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้จะเป็นการประสานระหว่างทีมอาจารย์หรือนักวิชาการ ที่นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาประกอบกลไกทางการเกษตรแบบเดิมๆ ของชาวบ้าน ด้วยการลงมือปฏิบัติร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ถ่ายทอดทักษะและความรู้ใหม่ๆ หรือที่เรียกกันว่าการพาทำ
'พิธา' บี้สภาตั้ง กมธ.
ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอเสนอญัตติด่วนขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหาภายใต้วิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยนายพิธาระบุว่า แม้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งนายกฯ มีอำนาจเต็ม แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้อำนาจได้เต็ม ต้องมีการถ่วงดุลการทำงานของฝ่ายบริหาร รักษาผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภา โดยอีก 2 สัปดาห์จะเปิดสมัยประชุมสามัญ โดยจะพิจารณาพ.ร.ก. 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 จึงขอให้มีการตั้ง กมธ.เพื่อติดตามตรวจสอบ รวมทั้งการพิจารณา พ.ร.บ.โอนงบประมาณ และ พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งทั้งหมดต้องดูว่าจะตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนได้จริงหรือไม่
“หวังว่าประธานสภาจะมองเห็นถึงปัญหาและความเร่งด่วนในการใช้งบประมาณที่อาจสูงมากที่สุดในประวัติการณ์ หากไร้ซึ่งการตรวจสอบพี่น้องประชาชนก็จะเสียประโยชน์ ส่วน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะร่วมมือหรือไม่นั้น ตลอดเวลาที่เราต่างก็ได้ลงพื้นที่ ได้ยินเสียงร่ำไห้ของประชาชนขนาดนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าญัตติดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนและควรนำมาเป็นวาระแรกๆ"
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในขณะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ให้อำนาจเต็มแก่นายกฯ และข้าราชการในการดำเนินงาน โดยไม่มีรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลคนไหนมีส่วนร่วม จึงคาดว่าจะมีพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่โดยเฉพาะพรรคร่วมเห็นชอบผ่านกลไกนี้ หลังถูกริบอำนาจไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |