ในภาพรวมตัวเลขการติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ทวีปแอฟริกาถือได้ว่ามีผู้ที่ติดเชื้อน้อยกว่าภูมิภาคใดในโลก โดยเฉพาะในประเทศเซาท์ซูดาน ซึ่งไทยได้ส่งทหารช่างเข้าร่วมภารกิจรักษา เป็นหนึ่งใน 6 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อน้อยที่สุด แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันสถานการณ์ในเซาท์ซูดานมีผู้ติดเชื้อแล้วถึง 46 ราย และมีเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติที่เข้าไปรักษาสันติภาพในนามของ (United Nations Mission in South Sudan : UNMISS) ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว 4 ราย              273 ทหารช่างจากกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/ เซาท์ซูดาน THAI HMEC ผลัดที่ 1 เดินทางไปปฏิบัติภารกิจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 มีกำหนดการสับเปลี่ยนกำลังช่วงปลายเดือนเมษายน 2563 แต่เลขาธิการสหประชาชาติได้ประกาศให้เลื่อนการสับเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพทั่วโลก ไปช่วงหลังเดือนมิถุนายน 2563 หรือจนกว่าเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เบาบางลง ทำให้ทหารไทยผลัดแรกยังต้องทำหน้าที่ต่อไป แม้ทหารไทยผลัดที่ 2 ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลให้ไปสับเปลี่ยนกำลังแล้วก็ตาม

                ส่งผลให้ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพผลัดนี้ อยู่ในต่างแดนมากที่สุดคือ 1 ปี 7 เดือน (ถ้าสับเปลี่ยนกำลังในเดือนมิถุนายน 2563) นานกว่ากองกำลังจากประเทศอื่นที่เข้าร่วมในภารกิจนี้ คือ จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และบังกลาเทศ นอกจากนั้นยังมีกำลังเข้ามาสับเปลี่ยนเพิ่มเติม ได้แก่ รวันดา กานา เนปาล อังกฤษ ฯลฯ และยังถือเป็นกองกำลังทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพยาวนานที่สุดด้วย

                นอกจากภารกิจการสร้างถนน สะพานขาดแล้ว ยังเข้าร่วมในภารกิจเพื่อมนุษยธรรม การช่วยเหลือประชาชน สอนเด็ก ซ่อมโรงเรียน ปลูกผักแปลงสาธิต ด้วยการนำศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์ไปเผยแพร่กับประชาชนที่นั่นตามแนวทางที่ทหารไทยถนัด ยังต้องเจอกับอากาศที่ร้อนจัด และฤดูฝนสองรอบต่อปี นอกจากนั้นยังมีกำลังพลส่วนหนึ่งต้องไปปฏิบัติหน้าที่ส่วนแยกที่เมืองรุมเบค เป็นอีกพื้นที่ที่ทุรกันดาร ต้องเผชิญกับโรคมาลาเรีย ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นอีกด้วย.

                โดยภารกิจล่าสุด สหประชาชาติมอบหมาย คือ การสร้างเส้นทางยุทธวิธีจากเมืองรุมเบค ไปเมืองมาเปอร์ เพื่อให้องค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ สามารถนำสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าสู่พื้นที่ขัดแย้ง รวมทั้งสามารถเข้าระงับเหตุกรณีที่เกิดการต่อสู้และต้องช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนแก่พลเรือนในพื้นที่เมืองมาเปอร์ โดยการปฏิบัติงานของทหารไทย ได้ปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พลป้องการโควิด-19 ของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง เพื่อให้กำลังพลทุกนายปลอดภัย

                เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเซาท์ซูดาน ติดเชื้อโควิด-19 จนเกิดข่าวลือว่า คนของสหประชาชาติเป็นผู้นำเชื้อดังกล่าวเข้ามาในประเทศ ทั้งที่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ 6 สัปดาห์ ไม่ได้เข้ามาในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดอยู่ในระดับที่สูง จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะติดเชื้อจากภายในประเทศเซาท์ซูดาน

                จากปัญหาดังกล่าวสร้างความหวาดวิตกให้กับทั้ง UNMISS และประชาชนชาวเซาท์ซูดานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยระบบด้านการตรวจคัดกรอง และการตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ที่อาจไม่รอบด้านและครอบคลุมทั่วถึงของเซาท์ซูดาน อีกทั้งความไม่พร้อมของระบบสาธารณสุขและการแพทย์ในเซาท์ซูดาน ที่ขาดความพร้อมในหลายๆ ด้าน หากเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเซาท์ซูดาน จึงยากที่จะคาดเดาได้ถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

                โดยเฉพาะการขาดแคลนสถานที่ในการรองรับผู้ป่วยโควิด ดังนั้นสหประชาชาติ โดยฝ่ายวิศวกรรมของภารกิจ (Engineering Section, UNMISS) จึงได้มอบหมายให้กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย/เซาท์ซูดาน ดำเนินการก่อสร้างศูนย์คัดแยกผู้ป่วยโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงจากไวรัสโคโรนา เพื่อรองรับกรณีมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ

                สำหรับอาคารสามารถบริการผู้ป่วยได้ 50 คน โดยมีรายละเอียดของงาน ได้แก่ งานถากถางพื้นที่ก่อสร้าง, งานถมดินปรับระดับพื้นที่ก่อสร้าง, งานก่อสร้าง/ประกอบอาคารสำเร็จรูป, งานระบบสุขาภิบาล งานเดินท่อน้ำดี/น้ำทิ้ง และการติดตั้งถังบำบัดน้ำเสีย, งานติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง,  งานก่อสร้างพื้นที่ซักล้าง, งานลานจอดรถพยาบาล, งานก่อสร้างรั้วรอบศูนย์คัดแยกผู้ป่วยโควิด ซึ่งห้วงเวลาในการก่อสร้างกำหนดไว้ 35 วัน แต่ทหารช่างไทยสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน

                ในด้านของภารกิจหลัก คือการปรับปรุงเส้นทางพร้อมกับการสร้างถนนในเซาท์ซูดาน ของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว 580 กิโลเมตร จากทั้งสิ้นกว่า 1,000 กิโลเมตร ที่มีหลายประเทศร่วมก่อสร้าง ตามภารกิจสันติภาพและปรับปรุงเส้นทางในนามองค์การสหประชาชาติ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 มาจนถึงปัจจุบัน

                คาดว่าภารกิจของทหารไทยในการรักษาสันติภาพในประเทศเซาท์ซูดาน ยังคงเดินหน้าต่อไป รอเวลาให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ทหารไทยผลัดที่ 2 จำนวน นายพร้อมที่จะเดินทางไปสับเปลี่ยนกำลัง ทำหน้าที่ในนามประเทศไทยได้ไม่แพ้ทหารช่างผลัดแรกอย่างแน่นอน.