วันนี้เห็นได้ชัดว่าสองยักษ์ใหญ่ของโลกได้แปรสงครามการค้ามาเป็นสงครามไวรัสเรียบร้อยแล้ว
ก่อนหน้านี้มีสงครามเย็นแถมด้วยสงครามไซเบอร์
ทั้งหมดนี้คือสงครามของสองประเทศที่แย่งกันเป็นเบอร์หนึ่งของโลก
โดยมีไวรัสเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
โดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่าจีนพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาแพ้เลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อไม่ให้เขากลับมานั่งทำเนียบขาวรอบสอง
ว่าแล้วทรัมป์ก็ชี้นิ้วไปที่อู่ฮั่น บอกว่าที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโควิด-19 และรัฐบาลจีนปกปิดข่าวสารและหย่อนย่านในการควบคุมการแพร่เชื้อ
ทรัมป์พูดอย่างนั้นเพื่อจะอธิบายว่าทำไมคนอเมริกันจึงติดเชื้อและเสียชีวิตเพราะไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้จำนวนมากมายจนกลายเป็นอันดับหนึ่ง
สมตามคำขวัญของทรัมป์ America First
ทรัมป์ต้องหา “แพะ” ที่มีสัญชาติจีน เพราะคะแนนนิยมของทรัมป์ในช่วงนี้ย่ำแย่ลงมาก
ตัวเลขที่ช่วยทรัมป์มาตลอดคือหุ้นที่พุ่งขึ้น, ราคาที่ดินที่แพง และคนมีงานทำมากขึ้น
แต่พอเกิดโรคระบาดโควิด หุ้นร่วงหนัก, คนตกงานสูงสุดในประวัติการณ์ (ล่าสุดมีคนมาขอเบิกเงินช่วยตกงานแล้ว 30 ล้านคนใน 6 สัปดาห์) และผู้คนเริ่มจะสงสัยว่าทรัมป์เข้าใจความรุนแรงของโรคระบาดนี้หรือไม่
ทรัมป์ไม่เพียงแต่จะอ้างว่าจีนหย่อนยานในการจัดการกับปัญหาโควิดเท่านั้น แต่ยังอ้างว่าไวรัสตัวนี้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่อาจจะมาจากห้องทดลองที่อู่ฮั่น
พูดง่ายๆ คือทรัมป์กำลังบอกว่านักวิทยาศาสตร์ของจีนผิดพลาดในการทดลอง ปล่อยให้ไวรัสหลุดออกมาจนสามารถมาสร้างความเสียหายระดับโลก
ข้อกล่าวหาของทรัมป์ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลอะไรสนับสนุน ตรงกันข้าม ข่าวกรองของสหรัฐฯ เองก็ชี้ไปอีกทางหนึ่ง
หน่วยข่าวกรองอเมริกาออกมาระบุว่า ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เผยแพร่ในวงกว้างบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้เป็นฝีมือที่ “สร้างขึ้นโดยมนุษย์หรือมาจากการตัดต่อพันธุกรรมใดๆ”
แต่เหล่าบรรดานักหาข่าวกรองของรัฐบาลสหรัฐฯ เองบอกว่าจะเดินหน้าค้นหาข้อมูลต่อไป ว่าการระบาดของไวรัสมาจากการแพร่เชื้อจากสัตว์สู่มนุษย์
หรือเป็นผลจากอุบัติเหตุในห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 ในช่วงแรกๆ หรือไม่
หมายความว่าข้ออ้างของทรัมป์ที่โยนใส่จีนนั้นเป็นเรื่องคิดเอาเอง
หรือไม่ก็ต้องการจะสร้างภาพว่าเขาเป็นเหยื่อของแผนร้ายของจีน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ ปอมเปโอ สำทับเข้าข้างทรัมป์ด้วยการกล่าวหาว่าจีนยังคงทำให้ทั่วโลกตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง หากไม่ยอมเปิดเผยว่าต้นตอของโรคโควิด-19 มาจากไหน
ทรัมป์ยังดึงเอายุโรปหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศสและเยอรมนี มาร่วมเป็นพันธมิตรในการพันตูกับจีนเรื่องไวรัสด้วย
หลายรัฐในอเมริกาฟ้องจีนเรื่องปิดบังข้อมูลและบิดเบือนตัวเลขจนสร้างความเสียหายให้กับรัฐต่างๆ ในอเมริกา เรียกร้องเงินชดเชยจากปักกิ่งจำนวนมหาศาล
แน่นอนว่าจีนต้องตอบโต้อย่างดุเดือด บอกว่าทรัมป์หา “แพะ” เรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เป็นความล้มเหลวของการบริหารวิกฤติของตัวเอง
จีนบอกว่าสหรัฐฯ ประมาท ไม่ให้ความสำคัญกับการแพร่ระบาดตั้งแต่ต้น ให้ข้อมูลประชาชนผิดๆ จึงเข้าสู่สภาวะที่น่ากลัว มีคนติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก
จีนตอกกลับว่าไวรัสตัวนี้อาจจะมาจากยุโรปด้วยซ้ำไป อย่าชี้นิ้วมาทางจีนอย่างเดียว
ถ้าอย่างนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการนานาชาติสอบสวนต้นตอของไวรัสตัวนี้ไหม
จีนไม่น่าจะยอม และองค์การอนามัยโลกก็คงตกอยู่บนที่นั่งลำบาก เพราะทรัมป์ประกาศตัดเงินอุดหนุนไปแล้ว อีกทั้งยังกดดันให้มีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการโดยอ้างว่าเขามีอคติ เข้าข้างจีนมากเกินไป
Dr Tedros Adhanom Ghebreyesus ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีม WHO ไม่กลัวเสียงขู่ของทรัมป์ ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องเที่ยงตรง
เกมนี้มีเดิมพันสูงมากระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เพราะพิสูจน์กันที่ความสามารถในการทำสงครามกับไวรัส จีนใช้ไม้แข็ง ทำท่าจะเอาอยู่ สหรัฐฯ ใช้ความเป็นตะวันตกที่โอนอ่อนตามเสียงของกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อการเมือง จึงยังหาทิศทางไม่เจอ
เสร็จสงครามไวรัสจะรู้ว่าใครจะชนะในสงครามการค้าและไซเบอร์
สมการดุลอำนาจโลกจะเปลี่ยนอย่างรุนแรงก็ครั้งนี้แหละ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |