โจรใต้ประกบยิงทหารพรานปัตตานีดับ 1 สาหัสอีก 1 ตำรวจปูพรมปิดล้อมไล่ล่า คาดล้างแค้นหลัง 3 แกนนำถูกวิสามัญฯ จากเหตุปะทะหนองจิก กอ.รมน.ภาค 4 เผยคนร้ายทั้งสามพัน 10 คดีสำคัญในพื้นที่ พบปืนที่ใช้เคยก่อเหตุถึง 22 คดี

    เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวจังหวัดปัตตานีรายงานว่า เวลา 19.00 น. วันที่ 3 พ.ค. พ.ต.อ.มานะ เดชาวริษฎ์ ผกก.สภ.สายบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารพราน เหตุเกิดบนถนนรอยต่อบ้านฮูแตกอแล หมู่ที่ 3 กับบ้านบาโงมูลง หมู่ที่ 6 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี หลังได้รับแจ้งจึงรีบนำกำลังไปที่เกิดเหตุ ไปถึงพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ล้มข้างทางและมีกองเลือดจำนวนมาก
    ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล (รพ.) สมเด็จพระยุพราชสายบุรี ทราบชื่อ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สิทธิชัย ภักดีพันธ์ อายุ 31 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4405 (ร้อย ทพ.4405) หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 44 (ฉก.ทพ.44) ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าศีรษะและลำตัว อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และ อส.ทพ.พงศ์ชัย หงษ์ทอง อายุ 28 ปี สังกัดร้อย.ทพ.4411 ฉก.ทพ.44 ถูกยิงเข้าลำตัวอาการสาหัส แพทย์ได้ส่งต่อไป รพ.ปัตตานี
     สอบสวนทราบว่า ขณะทั้งสองนายกำลังปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนร่วมตั้งด่านตรวจคัดกรองโควิด-19 บริเวณสะพานฆอตอ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ขณะเกิดเหตุผู้ตายทั้งสองนายได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากด่านตรวจคัดกรองเพื่อไปซื้อของในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ คนร้ายไม่ทราบจำนวนขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดกระหน่ำยิงใส่ทั้งสองนายจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว 
    หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.จิรวัฒน์ พยุงธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้สั่งระดมกำลังร่วมปิดล้อมตรวจค้นบริเวณที่เกิดเหตุทันทีในรัศมี 500 เมตร พร้อมให้รวบรวมวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ เชื่อเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่สร้างสถานการณ์ และพยายามตอบโต้เจ้าหน้าที่หลังแกนนำระดับปฏิบัติการถูกวิสามัญฯ เสียชีวิต 3 ศพ จากเหตุปะทะในพื้นที่บ้านปะการือสง ต.ตุยง อ.หนองจิก เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
    ทางด้าน พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุปะทะในพื้นที่บ้านปะการือสง ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คนร้ายเสียชีวิต 3 ราย พร้อมได้ตรวจยึดอาวุธปืนได้จำนวน 3 กระบอก และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ-110 สีขาว จำนวน 1 คัน เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ได้รายงานผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานจากวัตถุพยานที่ตรวจยึดได้ พบว่ามีความเชื่อมโยงเคยใช้ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้ว 22 คดี นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติคนร้ายที่เสียชีวิต ทั้ง 3 ราย มีหมายจับรวมกันถึง 10 หมาย เกี่ยวข้องคดีสำคัญในพื้นที่หลายคดี เช่น ระเบิดเมืองภูเก็ต ระเบิดบิ๊กซี และปล้นร้านทองที่นาทวี
     โดยผลการตรวจพิสูจน์อาวุธที่ยึดได้ใช้ในการก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน โดยเฉพาะปืนเล็กยาว AK-102 หมายเลขปืน 101160757 ซึ่งเป็นปืนของนายอะหวัง เดนดาหยัด กำนันตำบลเปียน ที่เบิกยืมมาใช้ปฏิบัติราชการ และถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตและชิงปืนไป เมื่อวันที่ 21 ส.ค.58 และคนร้ายได้นำปืนกระบอกนี้ไปใช้ก่อเหตุทั้งกับเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนรวม 22 คดี ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตถึง 42 ราย ที่สำคัญเช่นก่อเหตุยิงประชาชนประกอบอาชีพรับซื้อน้ำยางเสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 30 มี.ค.62 ทั้งยังถล่มจุดตรวจกอแลปิเละ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 23 ก.ค.62 ยิง/ระเบิดอาสาสมัครชุดคุ้มครองตำบล (อส.ชคต.) นาประดู่ เสียชีวิต 2 ราย อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อ 15 ก.ย.62 เป็นต้น
     “จากประวัติของคนร้ายทั้ง 3 ราย ประกอบกับผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจยึดได้ สามารถที่จะบ่งชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมคนร้ายที่ได้ก่อเหตุละเมิดกฎหมายมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา ทำให้เขามีสถานะเป็นอาชญากร ซึ่งรัฐจำเป็นต้องเข้าบังคับใช้กฎหมายเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มิใช่การปฏิบัติการทางทหารกับคู่สงครามดังที่กลุ่ม PerMas และเครือข่ายแนวร่วมในพื้นที่พยายามกล่าวอ้างแต่อย่างใด” พล.ต.ปราโมทย์ระบุ.