ผูกคอดับอีกรายเซ่นรอเงินเยียวยาว่างงานโควิด หลังเฝ้าทวงถามสิทธิ์ แต่หัวหน้างานอ้างไม่ผ่านเกณฑ์ ขณะประกันสังคมอยู่บนหอคอย อ้างมีเงินจ่ายตามสิทธิ์ทุกรายพอ แถมเปิดข้อมูลร่ายยาวหาลงทุนในหลักทรัพย์มั่นคงสูงเต็มพรืด
เมื่อวันจันทร์ นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงการจ่ายเงินกรณีผู้ประกันตนว่างงานจากเหตุสุดวิสัยว่า มีผู้ประกันตนมายื่นขอใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 1,177,841 ราย มีข้อมูลที่ยืนยันเข้ามาซ้ำกันหรือไม่ใช่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จำนวน 219,537 ราย เหลือผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน 958,304 ราย ได้เร่งจ่ายแล้วเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 455,717 ราย เป็นจำนวนเงิน 2,354 ล้านบาท
นายทศพลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีกำลังดำเนินการ 207,895 ราย รอนายจ้าง 50,000 ราย มารับรองสิทธิ์ลูกจ้าง 294,692 ราย ซึ่ง รมว.แรงงานสั่งเร่งรัดระดมเจ้าหน้าที่ทุกกรมประสานกับนายจ้างให้ช่วยมารับรองสิทธิ์ เพื่อให้สำนักงานได้วินิจฉัยจ่ายเงินเยียวยา ขอยืนยันว่าประกันสังคมมีเงินเพียงพอที่จะจ่าย เงินไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ทุกบาททุกสตางค์ เพราะเป็นเงินของประชาชน ทั้งนี้ เรามีสายด่วน 1506 รับร้องเรียน 250 คู่สาย แต่ขณะนี้ยอมรับว่าอาจล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากมีผู้ใช้บริการเพิ่มจากปกติหลายหมื่นคนต่อวัน หรือประมาณ 11 เท่าจากปกติ แต่ยืนยันว่ามีคนปฏิบัติงานตลอดเวลา
ด้านนายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ กล่าวว่า เราได้นำเงินในกองทุนประกันสังคมไปลงทุน 2.03 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 82 นำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ ลงทุนในพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจ ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน นอกจากนี้ยังมีร้อยละ 18 นำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทองคำ อสังหาริมทรัพย์
“ขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจในความมั่นคงของกองทุน ทั้งนี้ ในการนำเงินไปลงทุนมีคณะกรรมการประกันสังคมดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยตัวแทนจากนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายองค์กร จึงขอให้มั่นใจได้ว่ามีความเพียงพอที่จะจ่ายเงินเยียวยาและจ่ายสิทธิประโยชน์ในทุกกรณี นอกจากนี้เรื่องการคืนเงินสมทบให้ผู้ประกันตนที่จากเดิมจ่ายมาร้อยละ 5 ก็จะเหลือเพียงร้อยละ 1 ทำให้ผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนมากกว่า 15,000 บาทขึ้นไป ที่หักเงินสมทบเดือนละ 750 บาท ก็จะได้คืน 600 บาท ในเวลา 3 เดือน หรือเป็นเงินทั้งสิ้น 1,800 บาท” นายนันทชัยระบุ
วันเดียวกัน พ.ต.ท.พิเชฐ อามาตย์พล สว.(สอบสวน) สน.สนท่าเรือ ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ผูกคอเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 319 ซอยวัดคลองเตยใน แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม แพทย์นิติเวชฯ โรงพยาบาลจุฬาฯ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบ้านอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น บริเวณชั้นลอยของบ้านได้ต่อเติมเป็นห้องพัก 1 ห้อง พร้อมติดตั้งกันสาด พบศพ น.ส.นิธิวดี หรือก้อย แซ่เตี้ย อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของบ้าน อาชีพพนักงานเก็บล้างร้านอาหารญี่ปุ่นฟูจิ ในห้างสรรพสินค้าสีลมคอมเพล็กซ์ สภาพนอนหงายสวมชุดนอนสีชมพูแบบกระโปรง มีร่องรอยกดรัดบริเวณคอหอย ใกล้กันพบกางเกงสแล็กขายาวสีเทา ผูกมัดกับขื่อกันสาด
น.ส.ประไพ ยอดประดิษฐ์ อายุ 70 ปี น้าสาวของผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากพ่อคนตายเสียตนเองก็เข้ามาพักอาศัยด้วยนานกว่า 20 ปี ตนเองพักอยู่ชั้น 2 หลานพักอยู่ชั้นลอย ก่อนเกิดเหตุสืบเนื่องจากเกิดโรคโควิด-19 ทำให้หลานตนเองต้องหยุดพักงานเนื่องจากร้านอาหารอยู่ภายในห้างสรรพสินค้า จึงขาดรายได้ ใช้เงินเก็บในการดำรงชีวิต และอยู่ระหว่างการรอรับเงินประกันสังคมมาตรา 33 ตามสิทธิกลุ่มลูกจ้าง-พนักงานเอกชน ซึ่งทำงานมาแล้วถึง 4 ปี เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลานสาวได้ทวงถามค่าชดเชยไปยังหัวหน้าแผนกกลับอ้างว่า "ไม่สามารถทำได้เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์" ทำให้หลานสาวซึม ตนเองจึงได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร เรายังโชคดีที่มีบ้าน มีข้าวกิน และปลอบใจมาโดยตลอด
น.ส.ประไพกล่าวว่า จนกระทั่งวันนี้ตอนเช้าตนเองได้ยินเสียงหลานเปิดประตูจึงคิดว่าตื่นแล้ว จึงออกไปซื้อของเพื่อมาทำกับข้าวให้ เมื่อทำแล้วเสร็จก็ยังไม่ลงมาจึงตะโกนเรียกพร้อมเดินขึ้นไปพบหลานห้อยคอ โดยตัวยังสั่นไหวจึงนำตัวลงมาแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือจนเกิดเหตุสลดดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำศพส่งชันสูตรพลิกศพหาสาเหตุการตายที่แท้จริง คาดว่าเกิดจากปัญหาส่วนตัว จะเรียกญาติและผู้เกี่ยวข้องเข้าไปให้ปากคำอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |