3 พ.ค.63-นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีมีการผ่อนผันให้ประชาชนออกจากจังหวัดภูเก็ตจำนวนมากว่า เมื่อตรวจสอบแล้วพบมีคนไทยที่ไม่มีภูมิลำเนาในจังหวัดภูเก็ตประมาณ 1 แสนกว่าคน และเมื่อเกิดสถานการณ์ในช่วงแรกๆ จังหวัดจึงประกาศห้ามเข้าและออก ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้มี 5 หมื่นคนที่แจ้งว่าไม่มีงานทำ ต้องการออกจากจังหวัด แต่ระหว่างนั้นยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากจังหวัด จนกระทั่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการขึ้นทะเบียนผู้ที่มีความประสงค์จะออกจากจังหวัดภูเก็ตแล้ว ซึ่งทุกคนที่จะออกจากจังหวัดภูเก็ตไม่ได้หมายความว่าจะออกได้ทั้งหมด จังหวัดภูเก็ตมี 17 ตำบล ตำบลที่อนุญาตให้ออกมี 14 ตำบล ที่ผ่านกระบวนการคัดกรองตามมาตรฐาน อีก 3 ตำบลยังไม่อนุญาต
นายฉัตรชัยกล่าวว่า เมื่อขออนุญาตออกจะต้องมีหนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดรับรองว่าเป็นบุคคลที่ผ่านการคัดกรอง แล้วแจ้งไปยังจังหวัดปลายทางรวมถึงด่านตรวจระหว่างทางให้ทราบ โดยในวันเดียวกันนี้มีผู้เดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตตามทะเบียนแล้ว 3,600 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน 11 จังหวัดภาคใต้ประมาณ 2,500 กว่าราย คิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นกระจายไปใน 50 จังหวัดทั่วประเทศ
"ทุกคนคือคนที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบคัดกรองเมื่อไปถึงปลายทางผู้ว่าจังหวัดนั้นๆและด่านระหว่างทางก็จะทราบด้วยว่าเดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ตเท่าไหร่ จึงขอให้มั่นใจว่ากระบวนการของราชการคัดกรองตามมาตรฐานชัดเจนแล้วจึงส่งมา อย่างไรก็ตาม ในส่วนมาตรการยับยั้งการระบาดของโรค แม้ข้อปฏิบัติจะมีการลดหย่อนผ่อนปรนทุกคนยังต้องสวมหน้ากากอนามัย จะผ่านจุดคัดกรองที่ใดต้องชี้แจง แต่ต้องคิดอยู่เสมอว่าเรายังมีช่วงเวลาเคอร์ฟิว ที่จะไม่มีการยกเว้น"
ปลัดมท.กล่าวว่า ในส่วนการเดินทางข้ามเขตจังหวัดนั้นโดยทั่วไปเรายังงดหรือชะลอ เว้นแต่มีความจำเป็น ถ้าท่านใดมีความจำเป็นต้องมีหลักฐาน ปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมโรค เป็นการขอความร่วมมือ ประชาชนที่จะเดินทางเข้าไปในภูมิลำเนา เพื่อป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาด ถ้าเข้าไปแล้วต้องถูกกัก 14 วัน แต่หากประชาชนมีความจำเป็นต้องเดินทาง 2-3 วัน เพื่อเดินทางไปทำธุระ เช่น งานศพ งานบวช หรือไปติดต่อราชการ ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่เข้าใจข้อเท็จจริงในชีวิตจริง และปัญหาที่ต้องปฏิบัติร่วมกัน เมื่อท่านมีความจำเป็นจึงต้องอธิบายให้ได้ถึงเหตุผลและหลักฐานประกอบ จะกักตัวตามวันและเวลาที่อยู่จริงและจะบันทึกเป็นหลักฐาน เพื่อสามารถสืบย้อนได้ เมื่อหากกลับออกไปแล้วมีประเด็นเกี่ยวกับการระบาดของโรค อย่างไรก็ตาม การคัดกรองโรคในจังหวัดปลายทางภูมิลำเนาเป้าหมายความหนักเบาขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่
ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมให้ความมั่นใจผู้เดินทางว่าทำความสะอาด ฆ่าเชื้อสถานที่ให้บริหารทั้งสนามบิน ยานพาหนะ เป็นประจำทุกรอบทุกวัน รวมถึงตรวจเช็คสุขภาพอนามัยพนักงานขับรถ กัปตัน แอร์โฮสเตส ขณะที่ระบบขนส่งสาธารณะผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุข ให้มีการวัดอุณหภูมิ ถ้าเกินกว่ากำหนดไม่อนุญาตให้เดินทาง การเว้นระยะห่าง จะมีการกำหนดจุดที่นั่งหรือจุดยืน เก้าอี้ตัวไหนไม่ให้นั่งก็ไม่ต้องนั่ง และมีการขายตั๋วตามจำนวนที่นั่ง อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบแต่ละจังหวัดแต่ละพื้นที่ว่ามีวิธีปฏิบัติและข้อกำหนดต่างๆอย่างไรก่อนที่จะเดินทาง ไม่อยากให้เดินทางไปถึงแล้วขาดหลักฐานบางอย่าง อยากให้ทราบรายละเอียดเหล่านี้ว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นขอให้ทุกคนปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว ขอให้เห็นใจผู้ปฏิบัติงานทุกคน ทุกคนปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทุกคน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |