2 พ.ค.63 - ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงข่าวถึงมาตรการคลายล็อกดาวน์ 6 กิจกรรม ว่า เราเริ่มประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปลายเดือน มี.ค. ถึงสิ้นเดือน เม.ย. หนึ่งเดือนผ่านไป ถึงแม้ว่าเราจะต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน เหตุผลก็อยู่เช่นเดิม เราต้องการรักษาประสิทธิภาพการควบคุมโรค แต่เข้าใจดีว่ามาตรการเคร่งครัดทำให้เกิดความไม่สะดวกในการดำเนินชีวิต เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ จึงกำหนดมาตรการผ่อนปรนมากยิ่งขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. การผ่อนปรนต้องประเมินเป็นระยะว่าสามารถผ่อนปรนได้มากได้น้อย สำคัญขึ้นอยู่กับความร่วมมือของพ่อแม่พี่น้องทุกคน ในห้วงแรกตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. เป็นต้นไป อย่างน้อย 14 วันที่จะมีการผ่อนปรน ยังคงรักษามาตรฐานของความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก แต่ก็พยายามผ่อนปรนให้มีการดำรงชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น คำนึงถึงด้านเศรษฐกิจด้วยประกอบกัน
พล.อ.สมศักดิ์ ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่ออกมา ทั้งหมดต้องมีมาตรการกำกับ อย่างน้อยที่สุดต้องรักษาระยะห่าง ตรวจวัดอุณหภูมิ ทำความสะอาดพื้นผิวสถานประกอบการ มีเจลล้างมือ โดยมาตรการที่เข้มข้นขึ้นสามารถออกได้โดยท้องถิ่นหรือผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าฯ กทม. ส่วนร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม อนุญาตตัด สระ ซอย แต่ไม่อนุญาตเสริมสวย เหตุผลคืออย่าใช้เวลานานในสถานบริการเหล่านี้ เพราะยิ่งอยู่นานยิ่งมีโอกาสรับเชื้อมากยิ่งขึ้น ผู้รับบริการและผู้ให้บริการต้องใส่หน้ากาก สำหรับการออกกำลังกายกลางแจ้ง สิ่งจำเป็นคือต้องดูแลสุขภาพ ให้ร่างกายต้องแข็งแรง ให้เล่นในที่โล่งแจ้ง เหตุที่ไม่อนุญาตแบดมินตัน เพราะอาจเล่นในสถานที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกก็ห้าม ขณะที่การรำไทเก๊กทำได้ แต่ผู้ร่วมกิจกรรมจำนวนพอสมควร รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากาก เป็นไปได้วัดอุณหภูมิ จำกัดเวลา
“ในระยะต่อไปหากเรามีการประเมินว่าสถานการณ์เหล่านี้ดีขึ้น ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้น สถิติผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวมีน้อยลง หรือมีสิ่งบ่งชี้ได้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวเลขผู้ป่วยมีน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ก็จะพิจารณาเปิดการผ่อนปรนระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ระยะที่ 4 จนครบต่อไป ซึ่งแต่ละระยะตามนโยบายของท่านนายกฯ ก็คือมีการประเมิน เปิดอย่างระมัดระวัง ทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานของมาตรการทางสาธารณสุขเป็นหลัก แล้วก็เรื่องความสะดวกสบาย เรื่องเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องพิจารณา แต่ก็แค่เป็นเรื่องประกอบ มาตรการที่เราทำทั้งหมดเพื่อสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก” เลขาธิการ สมช. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกำหนดให้สถานพยาบาลสามารถเปิดทำการได้วันที่ 3 พ.ค. ในส่วนคลินิกเสริมความงามสามารถเปิดได้หรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สถานพยาบาลเป็นผลต่อชีวิตประจำวัน เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตโดยปกติสุขไม่อนุญาต กิจกรรมใดๆ วิธีคิดง่ายๆ คือถ้าใช้เวลานานมีความเสี่ยงติดโรค ทั้งจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ กรณีนี้จะประเมินอีกครั้ง สมควรอยู่ในระยะ 2-3 ต่อไปหรือไม่ ในขั้นต้นตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. เป็นต้นไป สถาบันเสริมความงามยังคงห้ามอยู่ต่อไป
ถามถึงกรอบเวลาการเข้าไปใช้บริการในพื้นที่ต่างๆ ไม่ควรอยู่เกินเวลาเท่าไหร่ถึงมีความปลอดภัย ลดความเสี่ยง พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เรากำหนดมาตรการผ่อนปรนและกำกับกิจการมีการหารือกัน 3 ฝ่าย ฝ่ายความมั่นคง สภาพัฒน์ฯ และหมอ เป็นการเห็นชอบพร้อมกันทั้ง 3 ฝ่าย จะมีการหารือกันเป็นระยะต่อไป ปัจจัยความร่วมมือของพี่น้องประชาชนเอื้อประโยชน์ต่อสาธารณสุขและกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นฐานมากน้อยขนาดไหน
เมื่อถามถึงมาตรการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าซื้อเหล้ากลับไปจะไม่มั่วสุมกันในเคหสถาน พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ขายได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. เป็นต้นไป แต่ยังคงเป็นอำนาจผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ หากเห็นว่าในพื้นที่ของตนมีการละเมิด แพร่เชื้อเนื่องจากการขายสุรา สามารถสั่งปิดในภายหลังได้ วัตถุประสงค์ให้ซื้อกลับบ้านได้ แต่อย่ามั่วสุม จะผิดข้อกำหนดในลักษณะอื่นอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่มีสิทธิไปตักเตือนหรือดำเนินคดีได้ ถ้ามั่วสุมหลายครั้งหลายพื้นที่ จะกลายเป็นว่าการจำหน่ายสุราเป็นต้นเหตุของการมั่วสุม จะนำไปสู่การจำกัดหรืองดการขายสุราในที่สุด ฉะนั้นต้องขอความร่วมมือทุกท่าน ถ้าไม่อยากถูกห้ามปรามเพิ่มเติมจากนี้ต้องให้ความร่วมมือ ห้ามดื่มสุราที่ร้าน และเมื่อกลับบ้านก็พอสมควร แล้วแต่ดุลยพินิจของท่านและเจ้าหน้าที่ที่จะไปตรวจสอบท่านเป็นระยะ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |