ฮื่ออ์อ์อ์...อันที่จริงมันไม่น่าจะถึงกับเป็นเรื่อง เป็นราว อะไรซักเท่าไหร่ ถึงขั้นทำให้ ไทยโพสต์ วันวาน ต้องพาดหัวตัวไม้ ใหญ่โตบะเล่งเท่งว่า มาร์คให้เกียรติบ้าง อะไรทำนองนั้น เพราะถ้าเป็นประเภทที่ไม่ได้นอตหลุด นอตหลวม โดยวาสนา หรือเป็นประเภทปกติธรรมดาโดยทั่วไป กับคำพูด คำจา ของอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ลูกพรรคของตัวเองตัดสินใจว่าจะไปไหน-ไม่ไปไหน ต้องถือเป็นหีดๆ หุ้ยๆ แทบไม่ต้องเก็บเอามาคิด มาออกอาการฮึดๆ ฮัดๆ ใดเอาเลยแม้แต่น้อย...
-----------------------------------------------
แต่ก็อย่างว่า...ระดับเคยคิดจะเอา โพเดียม ทุ่มหัวนักข่าวมาแล้ว ใครผิดท่า ผิดทาง พูดห้วน พูดตะโกน เกินไปซักหน่อย แม้แต่ชาวบ้าน ชาวช่อง ชาวใต้ที่หวังจะร้องเรียน ยังโดนแ-กกันเห็นๆ และอีตรงนี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็น จุดอ่อน ชนิดแก้ยังไงก็แก้ไม่หาย ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ แห่งบรรดาชาวเราทั้งหลาย คล้ายๆ พระสารีบุตรโดดข้ามท้องร่อง อะไรทำนองนั้น คือเป็นลักษณะอาการที่ ติดตัวมาแต่ชาติปางก่อน ในเมื่อเคย เสวยชาติเป็นลิง มานับร้อยๆ ชาติ...อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ทรงเฉลย แม้จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ เป็นอัครสาวกเบื้องขวา-เบื้องซ้ายคู่เคียงกายพระศาสดาไปแล้วก็ตาม แต่เผลอเมื่อไหร่ พระสารีบุตร ท่านยังอดกระดุ๊บๆ ไปตามวาสนาของพระองค์ท่านไปตามสภาพ...
-------------------------------------------------
คือการที่อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ท่านออกมาป่าวประกาศ ให้ใครต่อใครในพรรคของท่าน เลือกว่าจะหนุนหัวหน้าพรรคตัวเอง (ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม) หรือจะหนุน บิ๊กตู่ ให้เป็น นายกฯ คนนอก หลังการเลือกตั้งที่จะมาถึง นอกจากจะถือเป็นเรื่อง กิจการภายใน ของท่านเองแล้ว คงต้องถือเป็นเรื่องของ สภาวะแวดล้อมทางการเมือง (โดยเฉพาะในช่วงนี้) ที่ทำให้ต้องออกมาในลูกนั้น เพราะภายใต้ สภาวะขาลง ที่รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ออกอาการลงแบบกลิ้งหลุนๆ แขนอ้า ขาถ่าง แทบไม่สามารถรักษารูปทรงแห่งความเป็นพระเอก แบบ ขุนหมื่น อะไรเอาเลยแม้แต่น้อย กลับต้องหันไป โหนออเจ้า กันเห็นๆ ในฐานะนักการเมือง พรรคการเมือง ที่ต้องเชื่อมโยงอารมณ์ ความรู้สึก ให้พอไปกันได้กับ มวลชน ในแต่ละช่วง แต่ละจังหวะ ยังไงๆ...มันคงหนีไม่พ้นต้อง ตามน้ำ หรือต้อง ไหลไปตามกระแส อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...
-----------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากเป็นรัฐบาล คสช.ยุคต้นๆ ยุคที่ใครต่อใครยัง ขอเพียงเธอไว้ใจและศรัทธา แบบเต็มเม็ด เต็มสูบ ไม่ว่านักการเมือง พรรคการเมืองรายใด ก็เถอะ แม้เกลียดแสนเกลียด แต่ก็หนีไม่พ้นที่จะต้อง ให้เกียรติ ไม่กล้าแตะ กล้าต้อง คสช.อยู่แล้วแน่ๆ เพราะออกจะเป็นการสร้างความขัดแย้งกับอารมณ์ ความรู้สึก ของ มวลชน โดยใช่เหตุ แต่ผ่านมา 3 ปี 4 ปี ผ่านเรื่องแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน เรื่องปฏิรูปที่ออกไปทางรูดแล้ว รูดอีก ก็ยังไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราวอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย และอีกไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ถ้าลองคิดจะเชียร์กันอีก เผลอๆ...อาจ โดนมวลชนถีบ เอาง่ายๆ แม้แต่เพียงการให้เกียรติด้วยวิธี อมสากกะเบือ ไม่พูด ไม่จา ไม่คิดจะออกความเห็นอะไรเลย ก็ดูจะลำบากมิใช่น้อย...
------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...มันเลยคงต้องสะบัดหัว สะบัดหาง เอาไว้มั่ง ต้องตอดนิด ตอดหน่อย กันพอหอมปาก หอมคอ ซึ่งสำหรับผู้ที่เป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ผู้ที่ไม่ถึงกับ วุฒิภาวะต่ำ เกินไปนัก ต้องถือเป็นเรื่อง ขอกันกินยังมากกว่านี้ จะไปฮึดๆ ฮัดๆ ออกอาการแบบ พระสารีบุตรโดดข้ามท้องร่อง มันก็อาจไม่ถึงกับเหมาะ กับควร มากมายซักเท่าไหร่ เพราะยิ่งถ้าดันไปเปิดเผยตัวตน เปิดเผยวาสนา อันเป็น จุดอ่อน ของตัวเองให้เห็นกันชัดๆ ก็ลองไปเปิด พงศาวดารสามก๊ก ไม่ว่าฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) หรือแค่ฉบับเจ้าพระยา เสธ.ไพศาล ลองดูก็ได้ จะเห็นได้ว่าในทุกบท ทุกตอน ของการรบ การปะทะกันระหว่างก๊กต่อก๊ก ความพ่ายแพ้และชัยชนะ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความฉลาด ความเก่ง หรือความรอบรู้เชี่ยวชาญอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย แต่เกิดจากการนำเอา จุดอ่อน ของฝ่ายตรงข้ามนั่นแหละ มาใช้เป็นยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ได้แบบซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า...
-------------------------------------------------------
ว่าไปแล้ว...ถ้าอยากจะให้บรรดานักการเมือง พรรคการเมือง เขาเลิกยุ่ง เลิกตอดนิด ตอดหน่อย กับรัฐบาล คสช. แทบไม่ต้องเสียเวลาไปต่อปาก ต่อคำ ไปออกอาวุธโต้ แบบดอกแล้ว ดอกเล่า อะไรกันมากมาย เพียงแค่หันไป ปลดล็อก ให้พวกนักการเมือง พรรคการเมือง เขาสามารถทำอะไรตามอิสระ เสรี ของเขาได้นั่นแหละ รับรองว่า...แต่ละราย แต่ละพรรค จะหันไปยุ่งอยู่กับภารกิจในการ หันมางาบกันเอง ซะเป็นหลัก จนอาจไม่เหลือเวลามางาบ คสช.เอาเลยก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเผาไทย ที่ขนาดยังไม่ทันได้ปลดล็อก คุณ เจ๊สุดาหน่อย ก็แทบเหี่ยวย่น ยับเยิน ชนิดถ้าคิดจะดึงให้ตึง อาจต้องเห็น ขนหน้าอก โผล่ขึ้นมาง่ายๆ ยิ่งเมื่อไหร่ถ้าปลดล็อก โอกาสที่จะเห็นการหันไปงาบกันเอง ระหว่าง เจ๊สุดหน่อย กับ สมชาย ลมโชย ยันไปถึง เสรี พิศุทธ์ พิสิทธิ์ อะไรก็จำไม่ได้ซะแล้ว ย่อมกลายเป็นตัวสร้างความปลอดโปร่งให้กับ คสช.ไปโดยปริยาย...
------------------------------------------------------
แม้แต่ประชาธิกัด...ของอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ ก็เถอะ โอกาสที่จะเกิดรายการ เปลี่ยนม้ากลางลำธาร ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย เพียงแต่ในเมื่อมันยังไม่มีการปลดล็อก ไม่ว่าจะม้าแบบไหน ม้าไม้ ม้านั่ง คงต้องขี่ๆ กันไปก่อน เวลาที่เหลือว่างๆ มันเลยต้องหันมาจัดให้ จัดเต็ม ให้กับ คสช.อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แต่ก็แปลก...แทนที่จะหันไป ปลดล็อก กลับดันมาคาดเข็มขัดสร้างความอึดอัดให้กับตัวเองกันแทนที่ ด้วยเหตุผลกลใดก็มิอาจทราบได้ จะเป็นเพราะความหวาดระแวง ความต้องการจะช่วงชิงความได้-เสียเปรียบแบบโง่ๆ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจคาดคะเนได้ พระสารีบุตร ก็เลยหนีไม่พ้นต้องเจอกับการจัดให้ จัดเต็ม กันต่อไป อีกชนิดไม่รู้จะกี่ดอกต่อกี่ดอก เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันจะกำเริบ เสิบสาน เท่านี้ ย่อมไม่มีอีกแล้ว...นะ ออเจ้า...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Abraham Lincoln (อีกครั้ง)... Nearly all men can stand adversely, but if you want to test a man’s character, give him power.-โดยทั่วไปแล้ว...คนเราจะเผชิญหน้ากับความเป็นปฏิปักษ์ใดๆ ก็ได้ แต่ถ้าท่านต้องการทดสอบนิสัยของแต่ละคน ก็ลองให้เขาผู้นั้นมีอำนาจดูเถิด...
------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |