นายทะเบียน พปชร.ยังไม่เห็นใบลาออก "ณัฏฐพล" ลือหึ่ง! สละเก้าอี้ กก.บห. ลั่นหากแสดงเจตนาจะลาออกถือว่ามีผลแล้ว นักวิชาการเตือน ส.ว.ต้องเป็นกลาง "เสธ.อ้น" เคลื่อนไหวเปลี่ยนหัวหน้า พปชร.ขัด รธน. "เรืองไกร" สบช่องยื่น กกต.สอบยุบ พปชร. ชี้คำสัมภาษณ์ระบุชัดเดินเกมให้  "บิ๊กป้อม" นั่งหัวหน้า    

    เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ยื่นใบลาออกจากคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ว่า เห็นจากข่าวเหมือนกันว่าเซ็นใบลาออก แต่ส่วนตัวยังไม่เห็นใบลานั้น? และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นใครมายื่นใบลาออกกับตนเลย ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับพรรค เมื่อมีการยื่นใบลาออกจาก กก.บห.ก็จะต้องดำเนินการภายใน 45 วัน ดังนั้นเมื่อมีใครยื่นมาตนก็จะดำเนินการนำเรื่องเข้าสู่การประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อเลือก กก.บห.ใหม่ทดแทน และต้องแจ้งรายชื่อ กก.บห.ชุดใหม่ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อจะได้นำไปประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป แต่ขณะนี้ทุกคนทราบดีว่าเรายังไม่สามารถประชุมใหญ่พรรคได้ เพราะยังติดในเรื่องของโควิด-19 อยู่ ซึ่งจากเดิมที่ทุกพรรคการเมืองจะสามารถจัดประชุมใหญ่ของพรรคได้ในเดือนเมษายน ก็ต้องรอไปก่อนจนกว่าจะมีประกาศจาก กกต.
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีข่าวออกมาว่ามีการยื่นใบลาออกแล้ว แบบนี้ถือว่ามีผลเลยหรือไม่ นายวิเชียรกล่าวว่า ผู้ที่แสดงเจตนาจะลาออกก็ถือว่ามีผลแล้ว แม้ว่าจะไม่เห็นใบลาออกก็ตาม แต่ถือว่าเจ้าตัวได้แสดงเจตนาให้ปรากฏแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นการแสดงเจตนาต่อหัวหน้าพรรคหรือ กก.บห.ท่านอื่นก็ถือว่ามีผลแล้ว สำหรับตนคงไม่ไปโทร.เช็กตามข่าวว่าจะลาออกหรือไม่อย่างไร แต่ตนจะดูที่หนังสือใบลาออกเป็นหลัก ซึ่งถ้าเจ้าตัวมีเจตนาจริงก็จะต้องมีหนังสือส่งมาที่ตนเพื่อดำเนินการต่อไป
     นายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกรณี พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา สมาชิกวุฒิสภา เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า โดยหลักการสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ และเป็นสภาที่ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบกลั่นกรองสภาผู้แทนราษฎร และโดยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ต้องการให้ ส.ว.มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง การเข้าไปยุ่งเกี่ยวดังกล่าวอาจจะผิดทั้งหลักเกณฑ์การถ่วงดุลตรวจสอบอำนาจ โดยเฉพาะการเป็น ส.ว.จะต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง ดังนั้น หากสุดท้ายมีพฤติกรรมผิดกฎหมายก็จะนำซึ่งการยื่นเรื่องให้พ้นจากการเป็น ส.ว.ได้
    เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งในอดีตเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาในยุค คสช. และได้เลือก พล.อ.กนิษฐ์มาเป็น ส.ว. จะขัดกับหลักกฎหมายหรือไม่  เพราะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน นายยุทธพรกล่าวว่า ความจริงไม่ใช่เพียงกรณีนี้อย่างเดียวที่เกิดข้อวิจารณ์ถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ที่ผ่านมาเราก็เห็นว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ สิ่งนี้ทำให้คนตั้งคำถามกับ ส.ว.ชุดนี้ค่อนข้างเยอะ สิ่งสำคัญคือ ส.ว.ต้องรักษาความเป็นกลาง แม้ว่าในสภาพความเป็นจริงความเป็นกลางจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เต็มที่ 100% แต่เมื่ออยู่ในบทบาทของ ส.ว.ก็ต้องพึงระลึกว่า ในการใช้อำนาจหน้าที่ก็ต้องทำตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและหลักการระบบของรัฐสภา
    ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ส่งคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทางไปรษณีย์ให้ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐ กรณีกระแสข่าวเสธ.อ้น หรือ พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา สมาชิกวุฒิสภา อยู่เบื้องหลังการเดินเกมให้ พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค พปชร.แทนนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง กรณีดังกล่าวอาจเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และอาจนำไปสู่การยุบพรรค 
    "เนื่องจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.กนิษฐ์ที่ยอมรับว่าเข้าไปช่วยงานการเมือง พล.อ.ประวิตรนั้น  มีข้อเท็จจริงที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 และ 114 ที่ระบุให้ ส.ว.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ฝักใฝ่หรืออยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง รวมถึงฝ่าฝืนมาตรา 28, 29, 46 และ 90 (2) พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่าหากมีหลักฐานว่าพรรคการเมืองยินยอมให้คนนอกที่มิใช่สมาชิกครอบงำ ในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองขาดอิสระ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมนั้น ให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค รวมถึงส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อไปด้วย จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบคำให้สัมภาษณ์ พล.อ.กนิษฐ์ ว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรค พปชร.กระทำการเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่" นายเรืองไกรกล่าว.