Re-opening กิจการ-ร้านค้า เปิดได้ก็ล็อกอีกได้บนเงื่อนไข....


เพิ่มเพื่อน    

        หลังรัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ใช้มาตรการอย่างเข้มข้น Lockdown สถานที่ต่างๆ ตลอดจนการห้ามทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่เชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยมาตลอดร่วมเดือนเมษายนที่ผ่านไป เช่นเดียวกับที่อีกหลายจังหวัด ทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็มีการออกคำสั่ง-ประกาศห้ามการเปิดสถานที่ต่างๆ ที่สอดคล้องไปกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและเคอร์ฟิว ท่ามกลางเสียงสะท้อนถึงความยากลำบากในการทำมาหากิน การขาดรายได้ของประชาชนหลายล้านคนจากผลพวงกิจการร้านค้าที่ถูกล็อกดาวน์

            จนทำให้รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้ตัดสินใจเปิดเมือง-คลายล็อก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการทำมาหากินของประชาชนหลายกลุ่มอาชีพ ท่ามกลางเสียงเป็นห่วงจากบุคคลอีกหลายกลุ่มเช่นกันว่า ผลพวงจากการคลายล็อกอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อในวงกว้างได้ หลังจากที่ผ่านมาเกือบสามสัปดาห์ ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต อยู่ในระดับลดลงอย่างต่อเนื่องมาร่วมสามสัปดาห์

            คำแถลงอย่างเป็นทางการจากตัวแทน ศบค.เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือนเมษายน เมื่อ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ทาง "นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค." แถลงความชัดเจนในเรื่องนี้ว่า สำหรับมาตรการผ่อนปรนประเภทกิจการและกิจกรรม มี 6 กิจการ ประกอบด้วย

            1.ตลาด ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน แผงลอย

            2.ร้านจำหน่ายอาหาร อาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศกรีม (นอกห้างสรรพสินค้า) ร้านอาหารริมทาง รถเข็น หาบเร่

            ทั้งนี้ ในส่วนของหาบเร่ แผงลอย รวมถึงร้านค้าริมทางเท้า ยังคงให้ขายแบบเดิมคือ จำหน่ายให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านเท่านั้น แต่สำหรับร้านอาหารที่จะให้ลูกค้านั่งกินที่ร้านได้ จะทำได้เฉพาะร้านที่อยู่ในอาคารไม่เกิน 1-2 คูหาเท่านั้น แต่ให้นั่งกินได้โต๊ะละ 1 คน แต่ละโต๊ะเว้นระยะห่าง 1 เมตร

            3.กิจการค้าปลีกส่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อบริเวณพื้นที่นั่ง ยืน รับประทาน รถเร่หรือรถวิ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อย ร้านค้าปลีกชุมชน ร้านค้าปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม

            4.กีฬา สันทนาการ กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เดิน รำไทเก๊ก สนามกีฬากลางแจ้งที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและไม่ได้มีการแข่งขัน เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอล์ฟ และสนามซ้อม

            5.ร้านตัดผม เสริมสวย เฉพาะตัด สระ ไดร์

            6.อื่นๆ ได้แก่ ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับเลี้ยงรับฝากสัตว์

            โดยให้มีผลตั้งแต่ 3 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป

            การคลายล็อกดังกล่าวจะพบว่ากิจการบางอย่างเช่น "ห้างสรรพสินค้า" ยังคงให้ขายได้แต่เฉพาะพวกอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น ยังไม่ได้ให้ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดกิจการแบบเต็มรูปแบบแต่อย่างใด เช่นเดียวกับกิจการบางอย่างที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เช่น โรงภาพยนตร์ ก็ยังไม่มีการให้เปิดแต่อย่างใด

            ทั้งนี้ มาตรการผ่อนปรนดังกล่าวคือภาพใหญ่ของการคลายล็อก ที่เป็นมาตรฐานกลางของแต่ละกิจการที่จะให้ทุกจังหวัดยึดถือปฏิบัติ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดรายละเอียดแต่ละพื้นที่กันไป ซึ่งจะเข้มข้นกว่าได้ แต่จะน้อยกว่ามาตรฐานกลางไม่ได้ โดยแนวทางการดำเนินการจะคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจมาประกอบการพิจารณา

            "นพ.ทวีศิลป์" แถลงไว้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ย้ำว่า การดำเนินการผ่อนปรนครั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของคนไทยทั้งประเทศที่ได้ตัดสินใจร่วมกันแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ไปด้วยกัน ทั้งแพร่ระบาดและผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากเราควบคุมสถานการณ์ทางสาธารณสุขในระยะแรกได้ ก็จะมีการดำเนินการผ่อนปรนในระยะต่อๆ ไปได้ เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัย บรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ และป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้เพิ่มมากขึ้น ให้ประเทศเดินหน้าได้ หากควบคุมได้ไม่ดี ทุกอย่างจะแย่ลง ถือเป็นงานที่ท้าทาย แต่ถ้าเราทุกคนร่วมมือกัน มีสำนึกในการรับผิดชอบต่อสังคม มาตรการครั้งนี้ถึงจะสำเร็จได้

            "การผ่อนคลายล้วนแล้วมีผลต่อตัวเลขการผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น เพราะการผ่อนคลายเกี่ยวข้องกับคนที่เป็นพาหะของโรค หากผ่อนมากไปการติดเชื้อจะเหมือนกับประเทศข้างเคียงที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนต้องกลับมาตึงมาตรการ ดังนั้น แม้จะผ่อนแต่ก็ปรับได้

            เราจะใช้ช่วงเวลา 14 วันหลังจากนี้ คอยติดตาม ประเมินผลอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีตัวเลขคงที่ไปเรื่อยๆ แสดงว่าประชาชนให้ความร่วมมือดี รู้วิธีจัดการตัวเอง จัดกิจการ กิจกรรมได้ดี เราก็จะได้เลื่อนไปในกิจกรรมอื่นๆ ได้มากกว่านี้ แต่ถ้าใน 14 วันนี้ ตัวผู้เลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นสองหลัก สามหลัก ก็ต้องยอมรับว่าเราจะต้องถอยหลังกลับมาตึงกิจการ กิจกรรม ซึ่งต้องถูกทบทวนใหม่หมด หลายประเทศเพลี้ยงพล้ำนิดเดียวจนกลับมาระบาดเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เราไม่ต้องการความเสี่ยงแม้แต่น้อย เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดของเรา ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จเหมือน 1 เดือนที่ผ่านมา” นพ.ทวีศิลป์ระบุ

            นอกจากนี้ รัฐบาลและ ศบค.ยังตึงบางมาตรการที่เข้มข้นไว้ต่อไป เพื่อทำสงครามสู้กับไวรัสที่เป็นศึกระยะยาว นอกเหนือจากการขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

            ไม่ว่าจะเป็น อาทิ "มาตรการเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหสถานในเวลา 22.00-04.00 น." รวมถึงมาตราการเข้มข้นอื่นๆ อย่าง "การเข้า-ออกราชอาณาจักรทั้งทางบก น้ำ อากาศ "-การจำกัดการการบินเข้า-ออกระหว่างประเทศ โดยอนุญาตเฉพาะสายการบินที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและรับคนไทยกลับประเทศออกไปอีก 1 เดือน-การงดหรือชะลอการข้ามจังหวัดโดยที่ไม่มีเหตุจำเป็น รวมถึงการยึดแนวทางทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50 และไม่ให้ประชาชนเข้าไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากเป็นการชั่วคราว

            แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการ-เจ้าของกิจการร้านค้า ทั้งรายใหญ่ รายเล็ก ทั้งแบบติดแอร์ ห้างหรู หรือร้านริมถนน ร้านห้องแถว ต่างก็ต้องการให้กิจการกลับมา Re-start ได้อีกครั้ง แต่ประชาชนทุกคน ทุกอาชีพ ต่างก็ต้องการกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ เพราะผลพวงที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามไวรัสโควิดส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะเรื่องการดำเนินชีวิต-การขาดรายได้-การว่างงาน ที่มีคนได้รับผลกระทบหลายล้านคน

            ด้วยเหตุนี้ เมื่อรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายการ Lockdown ลง ทำให้กิจการร้านค้าต่างๆ กลับมา Re-opening ได้อีกครั้ง โดยหากทุกฝ่ายไม่ใช่แค่เจ้าของกิจการร้านค้าต่างๆ แต่รวมถึงประชาชน ลูกค้า ผู้บริโภค พนักงานและผู้ให้บริการในร้านค้าต่างๆ ทั้งหมดได้ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามกฎ-ระเบียบ และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการเฝ้าระวังการแพร่เชื้อโควิด จนกดไม่ให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด การคลายล็อกอีกหลายจุด เช่น การยกเลิกเคอร์ฟิว ก็จะได้เกิดขึ้นหลัง 31 พ.ค. จะได้ไม่ต้องมีการต่อเวลาการเคอร์ฟิวออกไปอีก

            เพราะหากคลายล็อกแล้ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้น ทุกฝ่ายก็ต้องทำใจและยอมรับที่จะต้องกลับมาปิดเมือง-ล็อกดาวน์กันอีกรอบ. 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"